เปรียบมวย ยาริส เอทีฟ ปะทะ คู่แข่ง

ขอบคุณข้อมูล MGR Online (7 ก.ย. 2560) [1853 Views]

เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยโรงเรียน โตโยต้า กับโมเดลใหม่ล่าสุดของโลก “ยาริส เอทีฟ” หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า ยาริส ซีดาน ซึ่งการปรากฎตัวของ ยาริส เอทีฟ นอกจากจะจุดกระแสให้กับตลาดรถเล็กและอีโคคาร์กลับมาคึกคักอีกครั้ง ยังกลายเป็นโมเดลทีสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับตลาดอีกด้วย อะไรคือบรรทัดฐานที่เรากำลังเอ่ยถึง...ไปติดตามกันได้

เมือหันไปสำรวจรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาดทั้ง อีโคคาร์ และ ซับคอมแพค(B segment) หรือที่เรียกง่ายๆว่า รถเล็ก ซึ่งปัจจุบันนี้หลายๆ ค่ายรถรวมรถทั้ง 2 เซกเมนท์นี้เอาไว้ด้วยกัน สำหรับความแตกต่างที่เป็นตัวจำแนกคือ ขนาดของเครื่องยนต์ โดยอีโคคาร์มีขนาด 1.2 ลิตร และ ซับคอมแพค 1.5 ลิตร

ส่วนขนาดตัวถังนั้น แทบจะไม่แตกต่างกันในหลายๆ รุ่นดังนั้น เมื่อมาทีหลังก็ย่อมจะต้องดังกว่า ยาริส เอทีฟ จึงมากับขนาดมิติตัวถังที่แทบไม่แตกต่างจาก โตโยต้า วิออส โดยมีขนาดความยาว 4,425 มิลลิเลมตร ยาวเป็นอันดับ 3ของรถอีโคคาร์ด้วยกัน ความกว้าง 1730 มิลลิเมตร กว้างที่สุด และความสูง 1475 มิลลิเมตร ขณะที่ระยะฐานล้อ 2550 เท่ากันกับ วีออส และมิตซูบิชิ แอททราจ(ดูตารางประกอบ)

สำหรับหัวใจ เพื่อให้ได้สิทธิ์ต่างๆ ตามมาตรฐานของโครงการอีโคคาร์ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ จึงบรรจุเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตรDual VVT-i กำลังสูงสุด 86 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร เรียกว่า พละกำลังก็อยู่ในระดับที่ไม่น้อยหน้าใครส่วนจะแรงมากน้อยเพียงใด ไว้ทดลองขับแล้วจะกลับมานำเสนอในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ บรรทัดฐานใหม่ที่เอ่ยถึงคือ“ถุงลมนิรภัย 7 จุด”ได้แก่ คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านข้าง และหัวเข่าฝั่งคนขับโดยมากับทุกรุ่นย่อย เรียกว่า จัดให้เยอะที่สุดในบรรดารถอีโคคาร์ด้วยกันที่มี 2 จุดตามมาตรฐาน แถมยังเยอะกว่า รถในเซกเมนท์ที่มีขนาดตัวถังใหญ่กว่า และมีราคาแพงกว่าอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นไม่แค่เพียงออพชันถุงลมนิรภัยนี้เพียงอย่างเดียว โตโยต้า ยังเสริมความปลอดภัยให้ด้วยระบบต่างๆ อย่างครบถ้วน ไล่เรียงมาดังนี้ ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบเบรกABS, ระบบกระจายแรงเบรกEBD และระบบเสริมแรงเบรก BAทั้งหมดนี้มีอยู่ในทุกรุ่นย่อยด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่คู่แข่งยี่ห้ออื่นมีไม่ครบเท่านี้ จะมีก็เพียงมาสด้า 2 ที่ใส่มาให้พอๆ กัน

สำหรับออพชันภายในอื่นๆ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือกคบหา ซึ่งหากมองไปที่รุ่นท้อปแล้ว โตโยต้า ยาริส เอทีฟ จะมีจุดที่ถือเป็นไฮไลต์คือ คอนโซลกลางหุ้มด้วยหนัง ตกแต่งเดินด้ายสีแดง ให้ความหรูหราและสปอร์ต , จอสีแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว และเครื่องเสียง DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมเชื่อมต่อ USB,HDMI, Micro SD card รองรับบลูทูท และการโทรออกด้วยเสียง

ระบบช่วงล่าง ทุกแบรนด์มากับชุดยอดนิยม ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่น บีม ส่วนระบบเบรกเหมือนกันทุกแบรนด์ หน้า-ดิสก์ หลัง-ดรัมเบรก ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับรถขนาดเล็กเช่นนี้ ในด้านของน้ำมันเชื้อเพลิง เติม อี20 ได้เช่นเดียวกันทุกยี่ห้อ ส่วนมาตรฐานไอเสีย โตโยต้า ยาริส เอทีฟ อยู่บนยูโร4

สำหรับการรับประกันคุณภาพ ทุกแบรนด์ให้การรับประกัน 3 ปีหรือ 100,000 กม. มีเพียง มิตซูบิชิ แอททราจ ที่จัดโปรโมชัน ให้การรับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กม. พร้อมกับฟรีค่าแรงเชคระยะ(มูลค่า 7,650บาท) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน24 ชั่วโมงฟรี 3 ปี เสริมด้วยฟรีประกันภัยชั้น 1 เป็นระยะเวลา 3 ปี (มูลค่า 48,669บาท) ขณะที่ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ สามารถขยายระยะการรับประกันเป็น 5 ปีหรือ 150,000 กม.ได้ เพียงจ่ายเพิ่ม 4,000 บาท

มาถึงส่วนที่ถือว่าสำคัญที่สุดนั่นก็คือ “ราคา” ซึ่ง โตโยต้า ยาริส เอทีฟ เคาะราคารุ่นล่างสุดที่ 469,000 บาท โดยเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เนื่องจากไม่ทำตลาดรุ่นเกียร์ธรรมดา ดังนั้น เมื่อมองบนพื้นฐานของการหารถเกียร์อัตโนมัติเพื่อใช้งาน โตโยต้า ยาริส เอทีฟ จะมีราคาเริ่มต้นที่ถูกที่สุด และยังได้ออพชันด้านความปลอดภัยครบถ้วนแบบที่กล่าวมาข้างต้น (ซูซูกิ เซียส รุ่นเกียร์อัตโนมัติ เริ่มต้นที่ 559,000 บาท, นิสสัน อัลเมร่า เกียร์อัตโนมัติ เริ่มต้นที่ 537,000 บาท ,มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นเกียร์อัตโนมัติ เริ่มต้นที่ 506,000 บาท)

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่รุ่นท้อปสุด โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ดูจะน่าสนใจที่สุด ด้วยราคา 619,000 บาท มีเพียง ฮอนด้า บริโอ ที่มีราคาถูกกว่า ประมาณ 40,000 บาท กับ มิตซูบิชิ แอททราจถูกกว่า 20,000 บาท เทียบความคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมาจาก โตโยต้า ยาริส เอทีฟ แล้ว คุ้มหรือไม่กับจำนวนเงินส่วนต่าง เราคงไม่ต้องบอก

ถึงบรรทัดนี้ โตโยต้าวางเป้าหมายการขาย โตโยต้า ยาริส เอทีฟไว้ที่ 4,700 คันต่อเดือน ซึ่งราคาที่นำเสนอข้างต้น โตโยต้า บอกว่าเป็นราคาช่วงแนะนำตัว ถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นโดยยังไม่ประกาศว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเท่าใด ดังนั้นใครที่อย่างระหว่างกำลังตัดสินใจ อย่างไรอย่าให้พ้นสิ้นเดือนตุลาคมไป มิฉะนั้นอาจจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น