|
ขอบคุณข้อมูล MGR Online (1 ก.พ. 2560) [1130 Views]
|
ชิ้นส่วนยานยนต์ยังขายฉลุย กลุ่ม สิทธิผล รายได้ปี 59ทะลุเป้าปีดยอดขายกว่า 40,000 ล้านบาท เติบโต 20% ลงทุนอีกพันล้านผุดโรงงานใหม่รับออเดอร์เพิ่ม คาดเสร็จปลายปีนี้ ตั้งเป้าโต 25% แนะคนทำชิ้นส่วนฯต้องขายครบวงจร ดูแลพัฒนาต้นน้ำให้ดี เติบโตไปพร้อมกัน สอนมวยรัฐบาลผลิตไฟฟ้าให้พอใช้ก่อน คิดทำรถไฟฟ้า
นายทนง ลี้อิสระนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด กล่าว่า รายได้ของกลุ่มสิทธิผล ในปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จมียอดรวมทั้งกลุ่มกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มยาง, โคมไฟรถยนต์, โซ่, น้ำมันเครื่อง, ระบบส่งกำลัง, วาล์วและชิ้นส่วนพลาสติก
รายได้ของเราเติบโตขึ้น 20% ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้นก็เพราะว่า เรามีการบริหารจัดการที่ครบวงจร ตั้งแต่การขายให้กับผู้ผลิตรถยนต์(OEM), ขายเป็นอะไหล่เข้าสู่ตลาดทดแทน(REM) และส่งออก หากตลาดใดได้รับผลกระทบจะมีตลาดอื่นรองรับ ดังนั้นผู้ผลิตชิ้นส่วนควรจะหาตลาดให้ครบวงจรแบบนี้ อย่าผูกติดกับผู้ผลิตรถยนต์เพียงอย่างเดียว
ยางรถจักรยานยนต์ IRC หนึ่งในผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม สิทธิผล
นายทนงกล่าวว่า นอกจากการมีตลาดครบวงจรแล้ว ควรดูแลต้นน้ำของการผลิตควบคู่ไปด้วย เช่น บริษัทฯ ช่วยเหลือ ชาวสวนยาง ให้ความรู้จนสามารถผลิตน้ำยางที่มีคุณภาพกระทั่งได้รับมาตรฐาน ISO ส่งผลให้ขายได้ราคาดีขึ้น เมื่อเกษตรกรดี เศรษฐกิจของประเทศจะดีตามไปด้วย สิ่งที่บริษัทฯ ทำคือการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าที่ผลิตได้
สำหรับการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อขึ้นไลน์การผลิตชิ้นส่วนชนิดอื่น อีกนับเป็นการขยายตลาดและรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น โดยลงทุนรวมกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้จะทำให้รายได้รวมทั้งกลุ่มเติบโตขึ้น 25%
ภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในปีนี้น่าจะหดตัว เพราะนโยบายของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐที่เน้น การผลิตและขายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกชิ้นส่วนของไทยแน่นอน แต่ส่วนตัวเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดี ประเทศไทยควรนำมาใช้สนับสนุน ผลิตเอง ใช้เอง ในประเทศ
นายทนง กล่าวว่า การคิดทำโครงการสนับสนุนรถไฟฟ้าของรัฐบาลเวลานี้ยังไม่เหมาะสม ควรคิดเรื่องของการ ผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการขั้นพื้นฐานเสียก่อน โรงไฟฟ้าแห่งใหม่จะผลิตที่ไหน ผลิตด้วยเทคโนโลยีอะไร จะโซล่าเซลล์, ถ่านหิน หรือนิวเคลียร์รัฐบาลจะต้องตัดสินใจเลือกได้แล้ว
ลองนึกภาพสมมุติว่า มีรถไฟฟ้าในถนนวิ่งอยู่ 10,000 คัน แล้วกลับบ้าน ต้องชาร์จไฟพร้อมๆ กันซึ่งแต่ละคันใช้เวลา ชาร์จนาน4-8 ชั่วโมง หากพลังงานไฟฟ้าไม่พออะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นเวลานี้จึงไม่ใช่เวลาของรถไฟฟ้า ควรทำเรื่องโรงผลิตไฟฟ้าเสียก่อน นายทนงกล่าวปิดท้าย
|