|
ขอบคุณข้อมูล ฐานเศรษฐกิจ (14 ก.พ. 2018) [1501 Views]
|
ปิดตัวสู่สายตาสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ปิกอัพสายพันธุ์แกร่งจากค่ายฟอร์ด โดยงานนี้ได้เลือกประเทศไทยในการเป็นเวทีเผยโฉมแบบเวิลด์ พรีเมียร์ ครั้งแรกของโลก
อย่างไรก็ดีฟอร์ด ยังไม่ได้เคาะราคาขายของรถรุ่นใหม่ พร้อมทั้งไม่บอกกล่าวว่าจะขายเมื่อไร มีเพียงข้อมูลรายละเอียดของตัวรถรวมไปถึงดีไซน์ต่างๆเท่านั้นที่สามารถเปิดเผยได้
สำหรับ ฟอร์ด แร็พเตอร์ ใหม่ ใช้แนวคิดการออกแบบที่ผสมผสานดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) เข้ากับความแข็งแกร่งของฟอร์ด เรนเจอร์ ส่งผลให้หน้าตาดูดุดัน โดยกระจังหน้าที่มีโลโกฟอร์ดแปะอยู่ได้แรงบันดาลใจมาจากฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ส่วนแก้มข้างรถคู่หน้าแบบใหม่เอาใจขาออฟโรด เพราะผลิตจากวัสดุคอมโพสิต ที่ดูแข็งแกร่ง และทนต่อการบุบและรอยขีดข่วน
ส่วนมิติของฟอร์ด แร็พเตอร์ ใหม่ มาพร้อมความสูงถึง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมมุมไต่ที่ 32.5 องศา มุมคร่อมที่ 24 องศา และมุมจากที่ 24 องศา ซึ่งฟอร์ดเคลมว่าเหนือกว่ารถรุ่นอื่นๆที่เคยมีมา ความพิเศษอีกอย่างคือส่วนท้ายปิกอัพมีพื้นที่ใช้งานด้วยขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร
ภายในห้องโดยสาร มีการออกแบบเบาะพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานแบบออฟโรด เลือกใช้วัสดุคือหนังกลับ ที่จะช่วยการยึดเกาะที่นั่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยภายในนั้น ตัวพวงมาลัยมาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมนํ้าหนักเบาซึ่งถือเป็นดีเอ็นเอใหม่ของแร็พเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว เพิ่มความแม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ และขอบพวงมาลัยยังสลักลายโลโกแร็พเตอร์อีกด้วย ด้านแผงหน้าปัดก็แสดงฟีเจอร์การใช้งานต่างๆ
ไฮไลต์อีกอย่างของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ คือ แชสซีส์ ที่ออกแบบใหม่ เพื่อรองรับกับการขับขี่แบบออฟโรดความเร็วสูง และยังทนต่อแรงกระแทก อีกทั้งยังมีระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่รวมถึงระบบวัตต์ลิงก์และสปริงคอยล์โอเวอร์โช้กที่ว่ากันว่าจะช่วยให้เพลาเคลื่อนที่อย่างมั่นคง มีผลต่อการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น
ระบบช่วงล่าง รองรับการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนสภาพพื้นผิวขรุขระ และยังมีโช้กแบบ Position Sensitive Damping (PSD) และโช้กอัพคู่หน้าและหลังถูกออกแบบโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ซึ่งได้ออกแบบมาเพื่อช่วยซับแรงกระแทกขณะขับออฟโรด แต่ด้วยระบบบายพาสภายใน (Internal Bypass technology) ก็จะทำให้การขับขี่บนถนนทางเรียบเป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนั้นแล้ว เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมีปีกนกที่ทำจากอะลูมิเนียม โดยปีกนกบนทำด้วยวิธีการฟอร์จและปีกนกล่างใช้วิธีการหล่อ เพื่อให้ระบบช่วงล่างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แข็งแรงทนทานต่อการขับขี่แบบออฟโรดที่จะช่วยซับแรงกระแทกเมื่อขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูง พร้อมยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17
เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมาพร้อมกับระบบ Terrain Management System (TMS) สามารถเลือกโหมดการขับขี่ทั้งหมด 6รูปแบบ ได้แก่ โหมดการขับขี่ทางเรียบ ที่ประกอบไปด้วย 2 รูปแบบคือ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต ต่อมาเป็นแบบโหมดการขับขี่ออฟโรด ที่ประกอบไปด้วย 4 รูปแบบ โหมดหญ้า/กรวดหิน/หิมะ,โหมดโคลน/ทราย, โหมดหิน และสุดท้ายคือ โหมดบาฮา (เหมาะกับการขับขี่ออฟโรดด้วยความเร็วสูงเสมือนนักแข่งแรลลี่กลางทะเลทรายบาฮา
เครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด กำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตัน-เมตร โดยวิศวกรของฟอร์ดบอกว่า แรงบิดของรถรุ่นใหม่นี้สูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 3.2 ลิตรเสียอีก !!
สิ่งที่ทีมวิศวกรต้องการนำเสนออีกอย่างคือ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งมาจากแร็พเตอร์ เอฟ-150 ผลิตจากวัสดุเหล็กกล้า อะลูมิเนียมอัลลอยและคอมโพสิตเพื่อให้ความความทนทานและมีนํ้าหนักเบาเนื่องจากเกียร์มีทั้งหมด 10 จังหวะทำให้มีอัตราทดที่แคบลงส่งผลให้มีอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดีขึ้น
เรียกว่ามาเต็ม จัดหนัก สำหรับฟังก์ชัน ฟีเจอร์ต่างๆที่ใส่เข้ามาใน เรนเจอร์ แร็พเตอร์ และแม้จะยังไม่ได้ประกาศราคา แต่คาดว่าจะอยู่แถวๆ 1.5-1.7 ล้านบาท
|