|
ขอบคุณข้อมูล ประชาชาติธุรกิจ (30 มี.ค. 2018) [1168 Views]
|
ในแวดวงอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ชื่อชั้น จินตนา อุดมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด อยู่ในลำดับต้น ๆ ของผู้บริหารหญิงแกร่ง
นักการตลาด
ผู้สร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรมสองล้อเครื่องบ้านเรามายาวนานกว่า 22 ปี ย้อนหลังไปถึงยุคบุกเบิกรุ่นนายหญิง คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช นั่งบริหารเปลี่ยนผ่านสู่ยุคบริษัทแม่เข้ามาดูแลเอง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน เรียกว่าได้ ดีเอ็นเอ มาครบทั้งตัวและหัวใจ
ประชาชาติธุรกิจ จับเข่าคุยถึงแนวทางการบริหารงานและแผนชูธงนำทัพของรองประธานหญิงคนแรกของเมืองไทย
DNA คันโด ส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น
นโยบายที่ จินตนา มุ่งมั่นและจะขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง คือ การดูแลลูกค้าคนสำคัญให้ดีที่สุด ลูกค้าในที่นี้ไม่ได้หมายเพียงแต่
ลูกค้าผู้ใช้รถยามาฮ่าเท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งยามาฮ่าจะต้องดูแลเพื่อให้สามารถแข่งขันและดำเนินธุรกิจได้ รวมทั้งการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าภายใต้ปรัชญา คันโด ในภาษาญี่ปุ่นซึ่งหมายถึง การสร้างความรู้สึกพึงพอใจอย่างลึกซึ้ง และความตื่นเต้นเร้าใจในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ และสุดท้ายถ้าดีลเลอร์แข็งแกร่ง ยามาฮ่าเองจะมีความแข็งแกร่ง
นี่คือเคล็ดลับที่รองประธานกล่าวว่า เป็นสิ่งที่คนยามาฮ่าได้เรียนรู้และได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่ยุคคุณหญิงพรทิพย์ที่ทุกคนจะเป็นครอบครัวเดียวกัน
พัฒนาคนให้แข็งแกร่ง
อีกสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งยวด คือ คุณภาพของพนักงาน การเดินหน้า พัฒนาคน ซึ่งวันนี้ จินตนา และยามาฮ่าภาคภูมิใจว่าบุคลากรยามาฮ่าเองนั้นไม่เป็นสองรองใคร เมื่อเทียบกับบุคลากรในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ หรืออุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วยมุมมองที่สะท้อนและส่งผ่าน คือ ถ้าเราไม่พัฒนาตัวเราเอง เราจะพัฒนาดีลเลอร์ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ยามาฮ่าพยายามปลูกฝังให้กับพนักงาน ทีมขาย จะต้องดูแลดีลเลอร์อย่างใกล้ชิด เรามีการจัด บิสซิเนสทอล์ก อย่างต่อเนื่องให้กับบุคลากรภายในและตัวแทนจำหน่ายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง และพยายาม
ให้ทุกคนตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจินตนาเน้นย้ำ
ว่า อยากให้พนักงานทุกคนมีความสุขในการทำงานสนุกและตื่นเต้นตลอดเวลา เช่นเดียวกับสปิริตของยามาฮ่า เราจะทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ได้อย่างไร ยามาฮ่า เรามีจุดยืนที่ชัดเจน
เทลเลอร์เมด บริการ ให้ลูกค้า
อย่างที่บอกลูกค้าของเราไม่ได้หมายแต่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าเท่านั้น ยังรวมถึงดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายผู้ใช้บริการต่าง ๆ ของยามาฮ่าทั้งหมด ที่สำคัญ ยามาฮ่าไม่มีนโยบายแบ่งแยกลูกค้า ปีนี้ยามาฮ่ามีนโยบายหลักคือการเดินหน้าสร้างความพึงพอใจ พัฒนา บริการหลังการขาย เพื่อให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับยามาฮ่า เป็นที่หนึ่งในด้านอาฟเตอร์เซลส์เซอร์วิส บริษัทได้ลงทุนมูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์บริการต้นแบบ ยามาฮ่า พรีเมี่ยมเซอร์วิส ช็อป เพื่อเป็นศูนย์บริการต้นแบบแห่งแรก บนถนนศรีนครินทร์ เพื่อให้บริการหลังการขายสำหรับลูกค้ายามาฮ่า และเป็นศูนย์ฝึกอบรม พนักงาน บริการหลังการขาย ทีมช่าง ให้เป็นไปตามมาตรฐานของยามาฮ่า คาดว่าจะเสร็จได้ราวกลางปีนี้ ยามาฮ่า พรีเมี่ยมเซอร์วิส ช็อป ไพลอต ช็อป ที่ตั้งเป้าใน 3 ด้าน คือ 1.เป็นผู้นำงานบริการที่มีมาตรฐานและคุณภาพสูงด้วย
เครื่องมือทันสมัย 2.เป็นต้นแบบในการทำกำไรจากงานบริการหลังการขาย และ 3.เป็นศูนย์ฝึกอบรมงานบริการหลังการขาย คาดว่าภายในไตรมาสแรกของปีนี้จะได้ข้อสรุป 2 แห่ง และภายในปีนี้คาดว่าศูนย์ยามาฮ่า พรีเมียม ช็อปจะเปิดอย่างน้อย 16 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ถล่ม 9 รุ่นบิ๊กไบก์ 3 โมเดล
นอกจากการเดินหน้าพัฒนาบริการหลังการขายให้กับลูกค้ายามาฮ่า และเรายังมีความท้าทายในด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปีนี้เรา จะมีแนะนำรถจักรยานยนต์ออกสู่ตลาดถึง 9 รุ่น โดยใน 3 รุ่น จะ
เป็นรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ และจะมีรถจักรยานยนต์ไฮบริด ด้วยส่วนเป้าหมายในเชิงตัวเลขนั้น เราตั้งเป้ายอดไว้ที่ 320,000 คัน มีส่วนแบ่งในตลาดรวมที่ 17% และภายในระยะเวลา 3-5 ปี ยามาฮ่า ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นไปอยู่ระดับ 28% ให้ได้
|