• หน้าแรก
  • รุ่นรถยนต์/อีวี
  • รุ่นจักรยานยนต์
  • รุ่นรถแทรกเตอร์
  • รถเกี่ยวข้าว/Smart Farm
  • เครื่องยนต์อเนกประสงค์
  • ค้นหาผู้จำหน่าย
  • กระดานซื้อขาย/MotorShow
  • ข่าวเด่นรถยนต์Œ/รีวิวรถยนต์
  • ติดต่อโฆษณา

รีวิวรถยนต์-รถอีโคคาร์ | รีวิวรถกระบะ-รถพีพีวี | รีวิวจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ | ข่าวรถแทรกเตอร์

โปรโมชั่น รถยนต์-รถกระบะ | โปรโมชั่น รถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ | โปรโมชั่น รถแทรกเตอร์

เทียบฟอร์ม บี-เอสยูวี ระดับบน งบ 1 ล้าน
เอชอาร์ วี - ซีเอ็กซ์ 3 - ซี เอชอาร์

 



ขอบคุณข้อมูล ฐานเศรษฐกิจ (19 มี.ค. 2018) [1353 Views]

โตโยต้านำ “ซี-เอชอาร์” มาอวดโฉมตั้งแต่ปลายปีที่แล้วพร้อมเปิดสิทธิ์รับจองล่วงหน้า และนับยอดสะสมถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ตัวเลขกว่า 3,000 คัน ซึ่ง 80% เป็นสัดส่วนของรุ่นไฮบริด(เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า) โดยการส่งมอบรถให้ลูกค้าล็อตแรกจะเริ่มในเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป

ส่วนคู่แข่งในตลาด ฮอนด้า เอชอาร์-วี ไมเนอร์เชนจ์ เพิ่งเปิดตัวที่ญี่ปุ่น ทว่าเมืองไทยในงาน “บางกอก มอเตอร์โชว์ 2018” ยังมาไม่ทัน ขณะที่มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 น่าจะมีขยับปรับโฉมเล็กๆน้อยๆ เช่นกัน

สำหรับเอชอาร์-วี ปัจจุบันทำตลาดเพียงเครื่องยนต์เดียวคือบล็อก 1.8 ลิตร ต่างจากซีเอ็กซ์-3 ที่มีเบนซิน 2.0 ลิตร กับ ดีเซล 1.5 ลิตร และซี-เอชอาร์ ที่มีทั้งไฮบริดและรุ่นเครื่องยนต์1.8 ปกติ

ตัวท็อปของเอชอาร์-วี EL ราคา 1.099 ล้านบาท โดดเด่นเป็นรายเดียวที่ให้หลังคาซันรูฟ ส่วนออพชันอื่นๆ จัดมาพอๆ กันกับซีเอ็กซ์-3 2.0SP ราคา 1.083 ล้านบาท ทั้งระบบความปลอดภัย ฟังก์ชันอำนวยความสะดวก เช่น ไฟหน้าแบบ LED ระบบ Push Start-Smart Entry แอร์อัตโนมัติ เบาะหนัง แพดเดิลชิฟต์ ตลอดจนดิสก์เบรก 2 ล้อ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เป็นต้น

เพียงแต่ ซีเอ็กซ์-3 จะเด่นกว่าเรื่องสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ไดเรก อินเจกชัน 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รวมถึงช่วงล่างและการควบคุม (อัตราบริโภคนํ้ามันดูได้จากตารางประกอบ) แต่ถ้าเอาตลับเมตรมาวัดขนาดตัวถังจะพบว่า ความยาวและระยะฐานล้อ ซีเอ็กซ์-3 จะเล็กที่สุดในบรรดา 3 รุ่น

ส่วนโตโยต้าซี-เอชอาร์ ผู้มาทีหลัง จัดเต็มออพชันในไฮบริดรุ่นท็อป ทั้ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชนระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ และเพิ่ม T-Connect Telematics ระบบเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถยนต์ ผ่าน Smart phone และ Apple watch พร้อมเครือข่ายศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ ระบบนำทาง T-Connect Telematics บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์และช่วยค้นหาพิกัดในกรณีที่รถถูกโจรกรรม และสัญญาณ Wi-Fi ในรถยนต์ แต่กระนั้นราคาก็โดดไปถึง 1.159 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณารุ่นย่อยที่ราคาถูกลงมาหน่อย ในรุ่นไฮบริด Mid 1.069 ล้านบาท กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Mid ราคา 1.039 ล้านบาท กลับพบว่าราคาที่ต่างกันเพียง 3 หมื่นบาท มีเพียงระบบขับเคลื่อนและระบบ Connect Telematics ที่รุ่นเครื่องยนต์ปกติไม่มี

ดังนั้น ถ้าพิจารณาด้านอัตราบริโภคนํ้ามันที่จะได้จากการเป็นรถขุมพลังไฮบริด กับการเพิ่มเงิน 3 หมื่นบาทจากรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 Mid คุ้มค่าหรือไม่

สำหรับ ซี-เอชอาร์ ไฮบริดเคลมอัตราบริโภคนํ้ามันไว้ 24.4 กม./ลิตร (อ้างตามอีโคสติกเกอร์ที่ผ่านการรับรองโดย สำนักงานมาตร ฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ สมอ.) คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่ง 1.12 บาท/กม.(ราคานํ้ามันแก๊สโซฮอล์95 ที่ 27.35 บาท/ลิตร) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 แจ้งตัวเลข 15.4 กม./ลิตร คำนวณเป็นค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่ง 1.77 บาท/กม.

กรณีเจ้าของใช้งานปกติ วิ่งจากบ้านไปที่ทำงาน แวะซื้อของกินข้าว หรือนานๆจะขับไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด เฉลี่ยๆ ใน 1 ปี คิดว่าใช้รถประมาณ 30,000 กิโลเมตร เท่ากับว่า ซี-เอชอาร์ ไฮบริด จะเสียค่านํ้ามัน 33,600 บาท (30,000 x 1.12) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 จะต้องจ่าย 53,100 บาท

นั่นเท่ากับว่า หากใช้รถไป 2 ปี รุ่นไฮบริดจะเสียค่านํ้ามัน 67,200 บาท ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ปกติ 106,000 บาท ส่วนต่าง 39,000 บาท ถือว่าคืนทุนที่จ่ายแพงกับรุ่นไฮบริดไปแล้ว (ถ้าวิ่งมากกว่านี้ก็คืนทุนเร็วขึ้น)

ส่วนคนที่กังวลใจเรื่องระบบไฮบริด ทั้งความปลอดภัย การดูแลรักษา โตโยต้าพยายามจัดการทุกอุปสรรคด้วยการขยายเวลารับประกันคุณภาพรถใหม่เป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงเช็กระยะถึง 100,000 กม. หรือ 5 ปี (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี

ส่วนใครที่ห่วงราคาขายต่อ โตโยต้ายังเปิดโปรแกรมการรับประกันมูลค่ารถในอนาคต (GFV- Guarantee Future Value) เมื่อนำ ซี-เอชอาร์ ไฮบริด มาขายกับ “โตโยต้าชัวร์” ภายในปีที่ 5 จะได้ราคาเทียบเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร (ในราคากลางเดียวกัน) อีกด้วย

เรียกว่าโตโยต้าพยายามปิดทุกช่องโหว่ และพยายามผลักดันรุ่นไฮบริด อย่างเต็มที่ ด้วยกลยุทธ์การขายและหลังการขาย ครอบคลุมถึงราคาขายต่อ ส่วนคู่แข่งอย่าง ฮอนด้า เอชอาร์-วี ที่ฟอร์มแรงหลังเปิดตัวปลายปี 2557 ก็ครองแชมป์ตลาดเอสยูวี 3 ปีซ้อน พร้อมยอดขายสะสม 62,000 คัน และต้องรอดูว่าการไมเนอร์เชนจ์ในปีนี้จะมีทีเด็ดอะไร ขณะที่มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ที่ยอดขายอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือน 2 รายใหญ่ แต่ก็มีสมรรถนะที่โดดเด่นมองข้ามไม่ได้เช่นกัน



ความคิดเห็นผ่าน Facebook



ข่าวน่าสนใจ Hot News
ปตท.-ฟ็อกซ์คอนน์ จับมือปั้นไทยฮับผลิต EV
นิสสัน เสริมตลาดปิกอัพ "นาวารา ซิงเกิล แค็บ"
ไทรอัมพ์ฯ เผย 5โมเดลใหม่ล่าสุด บอนเนวิลล์ 2021
ดูคาติ ตัวแทนใหม่ “โมโตเร อิตาเลียโน่” เปิดโชว์รูมบนตึกอาวดี้
สยามคูโบต้า หนุนทำ Smart Farmer รับแรงงานรุ่นใหม่
ยันม่าร์ เปิดตัวรถเกี่ยวข้าว ตู้แอร์ YH1180 Cabin
เปิดตัว! จอบหมุน ฟาร์มเทค พรีเดเตอร์ แกร่ง แรง เร็ว







หมวดยานยนต์-แทรกเตอร์ โปรโมชั่น-ข่าวเด่น-รีวิว 108เอ็นจินดอทคอม
รถอีวี /รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โปรโมชั่นรถยนต์ /รถแทรกเตอร์ /จักรยานยนต์ หน้าแรก108engine.com
รถอีโคคาร์ ข่าวรถยนต์-รถไฟฟ้า ข้อตกลงการใช้งาน
รถกระบะ-รถอเนกประสงค์ ข่าวรถแทรกเตอร์-SMART FARM นโยบายความเป็นส่วนตัว
รถแทรกเตอร์ ข่าวรถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ ติดต่อโฆษณา Advertise With Us
รถเกี่ยวนวดข้าว MOTOR SHOW / TRACTOR SHOW ติดต่อเรา Contact Us
รถจักรยานยนต์ ทัวร์ร้านค้ายานยนต์ทั่วไทย  
รถบิ๊กไบค์ รีวิว รถยนต์-รถอีวี  
เครื่องยนต์อเนกประสงค์ รีวิว รถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์  
Follow us
   
Copyright © 2000 - 2024  108Engine Dot Com All Rights Reserved
 
cheap air max|cheap air jordans|pompy wtryskowe|cheap huarache shoes| bombas inyeccion|cheap jordans|cheap sneakers|wholesale jordans|cheap china jordans|cheap wholesale jordans|cheap jordans|wholesale jewelry china