 |
ขอบคุณ กรุงเทพธุรกิจ (27 พ.ย. 2020) [3596 Views]
|
ค่ำคืนวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มาสด้า ซีเอ็กซ์-30 คว้ารางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ ไทยแลนด์คาร์ออฟเดอะเยียร์ 2020 ซึ่งจัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท)
สำหรับการตัดสินรางวัลนี้ ปีนี้มีรถที่เข้าเกณฑ์รับการตัดสิน 13 รุ่น ก่อนที่จะสมาชิกจะร่วมกันลงคะแนนรอบแลก เพื่อคัดเลือกรถเข้าสู่รอบสุดท้าย 7 คัน จากนั้นคณะกรรมการให้คะแนนที่คัดเลือกโดยสมาคมฯ จะทดสอบ และลงคะแนนอีกครั้ง ก่อนประกาศผลอย่าเงป็นทางการ
ซีเอ็กซ์-30 เป็นอย่างไร ทำไมถึงได้รางวัลนี้ ผมขออนุญาตนำบทความการลองขับที่เคยนำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง
เริ่มจากที่มาของชื่อก่อนเลย เพราะช่วงเปิดตัวแรกๆ มีคนสงสัยไม่น้อย ว่าทำไมมีเลข 3 ตัว ซึ่งไม่คุ้นในความเป็นมาสด้าเท่าไร เพราะปกติมาสด้าจะใช้เลขตัวเดียว
คำตอบก็คือ เป็นเพราะครอสโอเวอร์รุ่นนี้ ไม่ได้เกิดใหม่เสียทีเดียว แต่เป็นการต่อยอดมาจากมาสด้า 3 ในอีกรูปแบบตัวถังหนึ่ง และในด้านการตลาดมันจะอยู่ระหว่าง ซีเอ็กซ์-3 กับ ซีเอ็กซ์-5 ทั้งขนาดและระดับราคา ซึ่งมี 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วยรุ่น ซี ราคา 9.89 แสนบาท รุ่น เอส 1.099 ล้านบาท และ เอสพี ราคา 1.199 ล้านบาท
แพลทฟอร์ม อุปกรณ์มาตรฐานหลายๆ อย่างใช้ร่วมกับมาสด้า-3 และแน่นอน รวมถึงแนวคิด Less is More ด้วย นั่นคือเน้นการทำให้ดูดีจากความเรียบง่าย ทั้งตัวถังภายนอกหรือว่าการออกแบบภายใน แต่ว่าระยะฐานล้อจะสั้นกว่าเล็กน้อย
สวยไม่สวยอย่างไร ก็แล้วแต่มุมมองแต่ละคนครับ แต่สำหรับผมก็คิดว่าสวยดีครับ ดูเรียบๆ ตัวถังเล่นกับแสงเงา ส่วนภายในก็ดูเรียบๆ ลดสิ่งรบกวนสายตาออกไป
ซีเอ็กซ์-30 เป็น คอมแพคท์ ครอสโอเวอร์ ไม่ได้มีรูปทรงตัวถังที่ใหญ่นัก แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ภายในห้องโดยสาร เบาะด้านหน้านั่งสบาย ตำแหน่งผู้ขับขี่ออกแบบมาได้ดี นั่งได้สบายตัว การควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยมือหรือเท้า ทำได้ง่าย ทัศนวิสัยดี ช่วยให้ขับง่าย ไม่เมื่อย ไม่เหนื่อย และตัวที่ผมขับคือตัวท็อป ก็ยังมีเฮดอัพ ดิสเพลย์ ที่ปรับระดับสูงต่ำหรือความเอียงได้ ทำให้ไม่ต้องละสายตาลงมามองที่มิเตอร์ ช่ยให้มีสมาธิอยู่กับถนน
ขณะที่ตรงคอนโซลเกียร์ ก็มีปุ่มควบคุมที่เรียกว่าเซ็นเตอร์ คอมมานเดอร์ เมื่อชินกับการใช้งาน ก็สามารถควบคุมได้โดยไม่ต้องก้มลงไปมอง ใช้มือซ้ายปรับในสิ่งที่ต้องการ เพิ่มความสะดวกมากขึ้น
ส่วนอปุกรณ์มาตรฐานที่จะหาได้จากพื้นที่ตรงนี้ก็เช่น มาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล ทีเอฟที จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี มอนิเตอร์กลางขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ มาสด้า คอนเน็คท์ และ แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์
ส่วนเบาะหลังนั้น มองดูเผินๆ เหมือนจะอึดอัด เพราะดูไม่กว้างนัก ที่วางเท้า หรือพื้นที่ช่วงเข่าดูไม่เยอะ แต่พอขึ้นไปนั่งจริงแล้วผิดคาดครับ นั่งได้สบายทั้งส่วนเบาะรองก้นรองต้นขา และพนักพิงที่กระชับลำตัวและมีองศาที่เหมาะ
นั่ง 2 คน สบายๆ และนั่ง 3 คน ก็ได้เช่นกัน และหากอยากเพิ่มความโปร่งโล่ง ก็เปิดซันรูฟ หรืออย่างน้อยก็ม่านบังแดดหลังคาช่วยครับ
นอกจากนี้การเก็บเสียงก็ทำได้น่าพอใจ ที่ความเร็วสูง เสียงเล็ดลอดเข้ามาไม่มาก
ในด้านเทคนิค สิ่งที่เหมือนกับมาสด้า 3 คือ เครื่องยนต์เบนซิน สกายแอ็กทีฟ จี ซึ่งมีเครื่องเดียวคือ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับเชื้อเพลิง ได้ถึง อี 85 ซึ่งมีส่วนทำให้เสียภาษีสรรพสามิตลดลง
ช่วงล่าง เช่นเดียวกับมาสด้า 3 ด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังทอร์ชันบีม ซึ่งคงไม่ต้องมีคำถามว่าทำไม หันมาใช้คานแข็ง ไม่ใช่ระบบอิสระซึ่งเป็นที่นิยมทั่วไป เพราะคำถามนี้เกิดขึ้นมากมายก่อนหน้านี้แล้วกับมาสด้า-3 และมาสด้าก็ตอบไปแล้วมากมาย ซึ่งตอบได้ดี โดยเฉพาะการตอบด้วยสมรรถนะการขับขี่
สิ่งที่ต่างกันเล็กน้อย คือ ช็อคแอบซอร์เบอร์ของ ซีเอ็กซ์-30 ที่ยาวกว่าเพราะมีความสูงมากกว่า และแข็งกว่า
เมื่อแพลทฟอร์มของมาสด้า 3 มาอยู่ในรูปทรงของ ครอสโอเวอร์ ซึ่งมีความสูงมากกว่า และความสูงใต้ท้องรถ ยังมากกว่าคู่แข่งอย่างเช่น ฮอนด้า เอชอาร์-วี หรือว่า โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ขับแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ก็ตอบกันสั้นๆ ตรงนี้เลยว่า ทำได้ดีไม่ผิดหวัง การเกาะถนนไว้ใจได้ รถทรงตัวดีแม้จะอยู่ที่ความเร็วสูง และจัดการกับโค้งได้แม่นยำ ไม่มีอาการโยน หรือลื่นไถลให้รู้สึก และพวงมาลัยที่แม่นยำก็ช่วยประสานการทำงานได้ดี
แต่พูดถึงพวงมาลัย ให้อารมณ์ในการควบคุมที่ดีแล้วทั้งความแม่นยำ และน้ำหนัก แต่ถ้าจะให้มันอวบอ้วนอีกเล็กน้อย จะจับได้กระชับมือมากกว่านี้ แบบที่รถยุโรปนิยมทำออกมา
ช่วงล่างที่ยึดเกาะถนนได้ดี ทำให้ขับสนุก อาจจะมีจุดที่ขัดใจอยู่บ้าง คือ ช่วงที่วิ่งผ่านเนิน เช่น คอสะพานที่ไม่เรียบซึ่งมีอยู่เยอะทั่วเมืองไทย จะรู้สึกได้ว่ามีจังหวะกระด้างและเด้งเล็กน้อยที่ด้านหลัง แต่ไม่มีผลต่อการควบคุมแต่อย่างใด เพียงแค่ทำให้รู้สึกไม่สมูทในความรู้สึกเท่านั้นเอง ต่างจากมาสด้า-3
เครื่องยนต์ สมดุลกับตัวรถ เรียกกำลังมาได้เร็ว เพิ่มความกระฉับกระเฉงคล่องตัว ด้วยโหมดการขับธรรมดา นี่แหละครับ แต่ถ้าใครอยากสนุกกว่านั้นก็เลือกโหมดสปอร์ตได้ หรือ จะเลือกการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง ซึ่งระบบเปลี่ยนอัตราทดให้รวดเร็วตรงความต้องการ จังหวะหน่วงตามสไตล์ของการขับเกียร์อัตโนมัติใน รูปแบบแมนวล มีน้อย
ที่สุดแล้วถ้าถามว่าภาพรวมของ ซีเอ็กซ์-30 น่าสนใจไหม น่าซื้อไหม ผมว่าน่าสนใจครับ ทั้งรูปทรงรถ การใช้งาน ที่หลากหลาย สมรรถนะ รวมถึงความสนุกในการขับขี่ที่ได้ โดยไม่ต้องไปจ่ายแพงๆ เพื่อขับรถยุโรปครับ
ปีนี้ต้องบอกว่ามีรถใหม่ๆ หลายรุ่นที่เข้าสู่ตลาด ซึ่งล้วนแต่มีความน่าสนใจ ซึ่งเชื่อว่าคะแนนปีนี้คงออกมา สูสีกันทีเดียว ชนิดคันไหนได้รางวัลไปครองก็ได้ และเมื่อออกมาที่ ซีเอ็กซ์-30 ผมก็ว่ามีความเหมาะสมเช่นกันครับ
| 
