เป็นครั้งที่ 4 ของผมแล้วกับการขับรถจากประเทศไทยไปสู่เมืองมรดกโลก อย่างเมืองหลวงพระบาง แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศบ้านพี่เมืองน้องของเรา
สำหรับครั้งนี้ พาหนะที่พาผมไปเยือนหลวงพระบางคือกระบะรุ่นใหม่ ที่หลายต่อหลายคนอยากรู้สมรรถนะเครื่องยนต์ และคุณภาพของเจ้าตัวนี้ นั่นก็คือ
มาสด้า BT-50 โปรใหม่ กระบะหน้าตานางเอก แต่สมรรถนะระดับตัวร้ายทีเดียว
พูดถึงเรื่องหน้าตาของมาสด้า BT-50 โปรใหม่นั้นผมว่าพูดกันไม่จบหรอกครับ เพราะบางคนบอกว่า หน้าตาหวานๆ แบบนี้จะไปขายใครที่ไหน ก็ลูกค้าที่ขับรถกระบะส่วนใหญ่จะสมบุกสมบัน ลุยๆ จะบรรทุกข้าวบรรทุกของได้ยังไง หน้าหวานอย่างนี้
แต่อีกพวกหนึ่งก็ชอบเหลือเกินกับหน้าตาสวย เฉี่ยว ดุ แบบนี้ เพราะหามานานแล้วกับกระบะที่ออกแนวซอฟต์ๆ ไม่ดุดัน เหมือนกับที่ผ่านมา ประเภทว่าให้ผู้หญิงได้เป็นเจ้าของบ้างไม่ได้หรือ
ขณะที่ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) บอกว่าตั้งใจออกแบบมาสด้า BT-50 โปรใหม่ให้ออกมาหวานแบบนี้ โดยใช้รถยนต์นั่งเป็นต้นแบบในการออกแบบรถกระบะทำให้ได้รถกระบะที่หน้าตาใกล้เคียงกับรถยนต์นั่ง เนื่องจากมาสด้ามองว่าต่อไปนี้ตลาดรถกระบะจะเข้าใกล้รถยนต์นั่งมากขึ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากลูกค้าที่ใช้รถกระบะอยู่ต้องการรถกระบะที่มีคุณสมบัติของรถยนต์นั่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความสบายในการนั่งโดยสาร แต่ก็ยังต้องการ "กำลัง" ของเครื่องยนต์เหมือนเดิม ทำให้มาสด้าตัดสินใจผลิตรถกระบะที่มีความใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งอย่างมาสด้า BT-50 โปรใหม่ออกมาสู่ท้องตลาด
ซึ่งผมเชื่อว่ามุมมองนี้เป็นมุมมองใหม่ที่ยังไม่มีค่ายรถกระบะใดมุ่งเจาะตลาดนี้มาก่อน ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อยครับว่าตลาดลูกค้าที่ต้องการรถกระบะ แต่นั่งสบายเหมือนรถเก๋งนั้นจะมีมากแค่ไหน
เรามาเริ่มการลองขับกันหน่อยนะครับ แต่ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่า การลองขับมาสด้า BT-50 โปรใหม่ครั้งนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก เนื่องจากตลอดเส้นทางที่ผมได้ลองขับนั้นเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดาทั้งสิ้น (ฮือ...ฮือ...)
แต่ไม่เป็นไรครับ เกียร์ธรรมดา ก็ธรรมดา เพราะยังโชคดีที่เป็นรุ่น 4X2 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ดีไอ-ธันเดอร์ โปร ขนาด 3.2 ลิตร 200 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร ซึ่งก็ทำให้ได้ซิ่งกันพอสมควร
หน้าตาไม่พูดถึงแล้วครับ ก้าวเข้ามาในรถกันเลยก็แล้วกัน ภายในของมาสด้า BT-50 โปร บอกได้คำเดียวว่ากว้างมากกกกครับ กว้างทั้งผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง ยิ่งโดยเฉพาะรุ่น 4 ประตู หรือดับเบิลแค็บ ผู้โดยสารหลังได้สบายๆ ครับ ทั้งแบบการเดินทางระยะสั้นและการเดินทางระยะไกลๆ
ผมลองนั่งดูแล้วในทุกตำแหน่งทั้งผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลังไม่มีปัญหาครับ และที่ชอบอีกอย่างคือ มีช่องใส่ของเยอะแยะไปหมด แค่ช่องใส่ขวดน้ำข้างประตูก็ใหญ่สะใจแล้วครับ เพราะใส่ขวดน้ำขนาด 1 ลิตรได้สบายๆ เรียกว่าขับรถกันเป็น 100 กิโลเมตร ไม่ต้องกลัวหิวน้ำก็แล้วกัน แต่เรื่องเข้าห้องน้ำ ช่องเก็บของนี้ช่วยไม่ได้ คนละหน้าที่
เริ่มออกเดินทางจากอุดรธานี แบบรีบๆ ครับ เพราะยังเหลือเส้นทางอีกไกล พอเริ่มขับก็เริ่มมองโน่นมองนี่ในรถ และรู้สึกว่าเจ้ามาสด้า BT-50 โปร มีห้องโดยสารที่สูงไม่น้อยทีเดียว ส่วนที่ว่างบนศีรษะเหลืออีกเยอะ ทำให้ดูโล่งไม่อึดอัด มาตรวัดต่างๆ ดูกระจ่างตาไม่มีปัญหา มีจอบอกระยะทางที่เหลือเมื่อเทียบกับน้ำมันในถัง
พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้านดูโล่งๆ ชอบกล เพราะไม่มีปุ่มอะไรมาวุ่นวาย ก็แปลว่าพวงมาลัยไม่ใช่ แบบมัลติฟังก์ชัน ไม่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง จะเบา จะดัง จะเปลี่ยนเพลง เอื้อมไปเปลี่ยนที่คอนโซลกลาง ได้เลยตามสบาย ซึ่งส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยซีเรียสกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันครับ รู้สึกว่า "เกิน" ความจำเป็นไปหน่อย แต่ถ้ามีก็ดีครับ
อุปกรณ์ความบันเทิงภายในของมาสด้า BT-50 โปร รุ่นเกียร์ธรรมดา ยกสูง 4X2 นั้นมีวิทยุ CD ช่องต่อ AUX และ USB ให้เลือกโดยช่องต่อ AUX และ USB ถูกซ่อนอยู่ในกล่องเก็บสัมภาระด้านหน้าผู้โดยสารตอนหน้า เป็นระเบียบเรียบร้อยดีครับ ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องเล่น MP3 ของเราจะมาเกะกะอยู่แถวคอนโซลกลาง
มาพูดถึงเรื่องการขับขี่กันบ้างครับ ว่าเจ้าเครื่องยนต์ขนาด 3.2 ลิตร 200 แรงม้านี้เป็นอย่างไร
และก็ไม่ผิดหวังครับ กับกำลังของเครื่องยนต์ 200 แรงม้าที่แม้ว่าในขบวนที่ขับจะไม่สามารถ ทำความเร็วได้มากนัก แต่ด้วยระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร และทางขึ้นเขาทั้งแบบลาดชัน และคดเคี้ยวไม่น้อยทำให้ผมได้ "รู้จัก" เครื่องยนต์ตัวนี้ได้ดีมากขึ้น
และขอบอกได้เลยว่า เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ลงตัวมากครับ คลัตช์ไม่สูงมากนัก ทำให้ไม่เมื่อยขาเวลาเปลี่ยนเกียร์ และนี่เป็นอีกจุดที่ผมมองว่ามาสด้าเซตรถนี้มาเพื่อเป็นรถที่ใช้งานในเมืองจริงๆ เป็นมิตรเวลาขับในเมืองที่รถติดๆ ได้ดีทีเดียว ซึ่งเวลาขับในเมืองรถติดๆ ขยับทีละนิด ผมแนะนำว่าให้ออกตัวด้วยเกียร์ 2 ไปเลยครับ
จะว่าไปแล้วรถกระบะเกียร์ธรรมดาออกตัวด้วยเกียร์ 2 สบายๆ ครับ แถมยังลากรอบเครื่องยนต์ในช่วงออกตัวไปได้ อีกระยะไม่ต้องรีบเปลี่ยนเกียร์ไปเป็นเกียร์ 3 อีก ขับง่ายขึ้นเยอะ แถมไม่เมื่อยอีกด้วย
กำลังเครื่องยนต์ 3.2 ลิตรนี้ใช้งานได้เหลือเฟือเลยครับ สำหรับถนนเมืองไทย และยิ่งขึ้นเขาด้วยละก็ขนมกรุบกรอบเลย เพราะผมใช้เกียร์ 2-3-4 ขึ้นเขาลงเขาชันๆ ได้อย่างสบายใจ เกียร์ 3 ยังมีกำลังขึ้นทางชันได้อีกด้วย เห็นถึงกำลังแรงบิด 470 นิวตันเมตรเลยว่าเหลือเฟือ
ที่ชอบอีกอย่างคือ ในช่วงทางราบขณะที่ใช้เกียร์ 6 อยู่ที่ความเร็วประมาณ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมยังสามารถกดคันเร่งเรียกกำลังเครื่องยนต์เพื่อเร่งแซงได้อีก ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์มาเป็นเกียร์ 5 ให้เสียอารมณ์
ส่วนที่อยากชมอีกอย่างคือ ระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลใช้ได้ทีเดียว หากใครที่ต้องการกระบะช่วงล่างนุ่มๆ ใช้งานแบบครอบครัว พากันไปเที่ยวละก็ มาสด้า BT-50 โปร นี้เหมาะครับ ไม่กระเด้งกระดอนเหมือน มาสด้า BT-50 รุ่นเก่า ที่กระโดดเป็นม้าเลย
การทรงตัวก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ความเร็วสูงมากนัก แต่ก็ยังวิ่งด้วยความเร็วระดับ 120-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การทรงตัวก็นิ่งใช้ได้ทีเดียว ความแม่นยำของพวงมาลัยก็ไว้ใจได้ครับ เรียกว่าโค้งกว่าพันโค้งในลาวไม่ได้สร้างความหนักใจอะไรเลย ขับไปแบบชิล ชิล
เส้นทางโหด แต่ได้ช่วงล่างนุ่มๆ มาช่วย
ต้องถือว่าเป็นรถกระบะคันแรกที่ขับแล้วรู้สึกสบายๆ รื่นรมย์ ไม่กระเด้งหน้า กระเด้งหลัง เหมือนอย่างที่เคย
เมื่อเหลือบมาดูราคาที่ 9.34 แสนบาทแล้ว แม้ว่าจะมีเอบีเอส แอร์แบ็ก หรือออปชันอื่นๆ ตามมา ก็ต้องบอกว่าแพงไปหน่อย
แต่หากไม่แคร์ราคา เฉียดล้าน ซื้อไปเลย กระบะเฉี่ยวๆ นุ่มๆ แรงๆ เอาไว้ขับลุยน้ำสิ้นปีนี้ ก็เท่ไม่หยอก!!
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ [20076 Views]
|