มาแล้วครับ การลองขับรถยนต์อีโคคาร์ ขวัญใจคนไทย อีก 1 คัน อย่างมิตซูบิชิ มิราจ ที่กวาดยอดจองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33 ไปไม่น้อย
ผมเองได้มีโอกาสได้ไปลองขับเจ้ามิตซูบิชิ มิราจ นี้ที่สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เมื่อไม่นานมานี้ ก็ต้องขอบอกว่ามิราจ นั้นมีดี พอได้ เหมือนกัน
เริ่มตั้งแต่รูปร่างหน้าตาของมิราจนั้น ส่วนตัวแล้วผมว่าธรรมดาๆ ไปหน่อย ไม่ค่อยหวือหวา เหมือนกับคู่แข่งอย่างนิสสัน มาร์ช ฮอนด้า บริโอ้ และซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ แต่หากใครไม่ซีเรียสเรื่องรูปโฉม แต่ต้องการรถยนต์ขนาดเล็กๆ ที่หน้าตาเรียบๆ ไม่ตกยุค ไม่ล้ำหน้ามากนักละก็ มิตซูบิชิ มิราจ เป็นตัวเลือกในนั้นแน่นอนซึ่งมุมมองเรื่องนี้ ก็ต้องแล้วแต่บุคคลแล้วครับ ชอบกันรักกันแบบไหน ห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว
ผมเดินดูรอบๆ รถดูคุณภาพการประกอบ ก็ถือว่าโอเคครับ ไม่ขี้เหร่อะไร แต่เผลอไปพิงตัวรถ เอ๊ะ...ทำไมตัวถังถึงบุบลงไปหว่า บางเหมือนกันนะเนี่ย
ตัวถังก็ต้องบางหน่อยละครับ เพราะน้ำหนักของมิราจนั้นน้อยที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ทั้งหมดแล้ว เพราะหนักแค่ 830-870 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ทางทีมงานมิตซูบิชิบอกว่า ถึงจะเบาแต่ก็แข็งแรงนะครับ เพราะได้เพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างตัวถัง ด้วยส่วนรับแรงกระแทกที่ผลิตจากเหล็ก High-Tensile Steel สูงสุดที่ 980 Mpc และยังมีคานกันกระแทกด้านข้างที่ประตูทั้ง 4 บาน
ซึ่งเรื่องของความปลอดภัย ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไปละครับ ว่าจะเป็นยังไง แต่อย่าลืมว่านี่คือรถอีโคคาร์ เน้นการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ความเร็วไม่ได้สูงมากนักเป็นหลักด้วยครับ มิราจรุ่นที่ผมลองขับนั้น คือ รุ่น GLS หรือรุ่นรองท็อป ราคาค่าตัว 5.06 แสนบาท ครับ
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร มองไปรอบๆ ต้องบอกว่าไม่ขี้เหร่ครับ ใช้ได้เลย พอไหวๆ ขับไปรับสาวๆ ไม่อายแน่ แถมแอบน่ารักอีกต่างหาก
คุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ภายในนั้นเป็นรองนิสสัน มาร์ช และซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ แต่เหนือกว่าฮอนด้า บริโอ้ แน่นอน
มิราจ GLS นั้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาเพียบแล้วครับ วิทยุ ซีดี ลำโพง 4 ตัว ช่องเสียบ AUX และ USB กระจกไฟฟ้าอัตโนมัติคู่หน้า กระจกข้างปรับด้วยไฟฟ้า ถือว่าให้มาไม่น้อยทีเดียว พอแล้วครับ ไม่ต้องไปเสียเงินอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว
เข้ามานั่งในห้องโดยสาร ลองขยับขาขยับแข้ง กระโดดไปนั่งทั้งผู้โดยสารตอนหน้า ผู้โดยสารตอนหลัง ก็ยังรับได้กับขนาดของห้องโดยสารที่กว้างพอใช้ครับ ในส่วนของเบาะหลังมีพนักพิงศีรษะให้ด้วย และสามารถพับแยกได้แบบ 60:40 ได้ หากต้องการเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
จะว่าไปแล้ว รถอีโคคาร์อย่าไปคาดหวังความใหญ่โตอะไรมาก เอาเป็นว่านั่ง 4 คนสบายๆ นั่ง 5 คนก็ต้องเบียดกันหน่อย
มาลองขับกันบ้างดีกว่าครับ เครื่องยนต์ของมิราจนั้นใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ให้กำลังสูงสุดที่ 78 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 100 นิวตัน-เมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 4,000 รอบ/นาที จะ พอใช้ หรือเปล่า ตามมาดูกันครับ
การลองขับครั้งนี้ ถือว่าเป็นการลองขับแบบเบื้องต้นนะครับ ไม่ใช่การขับแบบเต็มรูปแบบเท่าไหร่นัก แต่ก็พอจะจับอาการของมิราจได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะผมได้ขับทั้งในสนามและนอกสนามครับ
เริ่มตั้งแต่การออกตัว มิราจทำได้ไม่เลวทีเดียว ไม่มีอาการอืดให้เห็น ยิ่งถ้าใช้งานในเมือง การจราจรติดๆ แบบเขยิบๆ ละก็ ไม่ต้องกลัวว่าจะอืดอาด ไม่ทันกิน เร่งไม่ทันไฟแดงแน่นอน ออกตัวดีใช้ได้ครับ
ส่วนอัตราเร่งในช่วงความเร็วระดับกลางๆ คือในความเร็วระดับ 60-80 กม./ชม. นั้นก็ยังไม่มีปัญหาครับ
ผมลองขับบนถนนใหญ่แล้วสบายๆ ครับ แต่หากเป็นการเร่งแซงในความเร็วที่เกิน 100 กม. ก็ต้องลุ้นกันหน่อยครับ ต้องมีพื้นที่ให้เร่งแซงพอสมควร
ในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์ ผมให้ผ่านครับ บอกได้เลยว่า พอใช้ และ ใช้ได้ ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน แต่คงจะไม่ปรูดปราดมุดไปมุดมา ได้สนุกนัก สำหรับการเดินทางในเส้นทางต่างจังหวัดที่ต้องใช้ความเร็วสูงครับ แต่หากเป็นการใช้งานในเมือง มุดสบายๆ อัตราเร่งใช้ได้ดีทีเดียว
ส่วนเรื่องการทรงตัวนั้น มิราจใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต ส่วนกันสะเทือนหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม จะบอกว่า หนึบ ก็คงไม่ใช่ แต่จะเน้นเรื่องความนุ่มนวลมากกว่า เหมาะกับการใช้งานในเมืองครับ ได้ความสบายจากความนุ่มนวลของช่วงล่างแน่ๆ
ในการลองขับในสนามพีระนั้นมีสเตชันให้ขับทั้งแบบสลาลอมและการเปลี่ยนเลนกะทันหัน มิราจก็ยังทำได้ดีพอสมควร แต่มีอาการโยนเกิดขึ้นไม่น้อย ยิ่งแสดงให้เห็นว่ามิตซูบิชิตั้งระบบช่วงล่างมาแบบนิ่มทีเดียว
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบแรกแอนด์พีเนียน แม้ว่าจะไม่ได้ให้ความรู้สึก แม่นยำ เวลาหักพวงมาลัยเร็วๆ แต่ก็ดีพอที่จะใช้งานได้เลยครับ
ส่วนการทรงตัวในช่วงความเร็วสูงนั้น ใช้ได้เหมือนกันครับ เพราะผมเองมีโอกาสได้ขับที่ความเร็วเพียง 110 กม./ชม.เท่านั้น พวงมาลัยและช่วงล่างนิ่งใช้ได้ครับ เสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารก็เข้ามาไม่มากนัก อาศัยแค่เสียงเพลงจากวิทยุ ก็สามารถกลบเสียงรบกวนเหล่านั้นได้แล้ว
ด้านอัตราการสิ้นเปลือง หลายต่อหลายคนถามไถ่เยอะเหลือเกิน ก็ต้องขอบอกว่าในเบื้องต้นที่ลองขับแบบไปเรื่อยๆ ความเร็วนิ่งๆ ที่ระดับ 90 กม./ชม. นะครับ ยังไม่ได้ขับแบบการใช้งานจริง ที่เจอทั้งรถติดและเร่งแซงในบางจังหวะ ทำได้ประมาณ 20 กม./ลิตร ถือว่าโดดเด่นไม่น้อยทีเดียว
ถามว่ามิราจน่าใช้หรือเปล่า ก็ต้องตอบว่าน่าใช้ ถ้าเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก เพราะกะทัดรัด วงเลี้ยวแคบ หาที่จอดง่าย ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างเป็นครั้งคราว ขับแบบไปเรื่อยๆ ไม่ใช่พวกเท้าผี เน้นขับขี่แบบท่องเที่ยว แต่ต้องไม่ใช่ขาซิ่ง
หากเป็นคนชอบขับรถเร็ว มุดไปมุดมา อยากได้รถเล็ก ซิ่งแซง ถึงใจ ไม่ใช่มิราจแน่ๆ แต่ถ้าคิดว่า ราคาค่าตัว 5 แสนต้นๆ ไม่เน้นหรูหรา ไฮโซ ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ไปไหนก็ได้ในเมือง ไม่ต้องห่วงเรื่องหาที่จอดรถ
มิราจก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย!!
ข้อมูลเทคนิครถ : Mitsubishi Mirage
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ [21098 Views]
|