ทิ้งระยะมาเดือนเศษๆ หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในที่สุดก็ถึงคิวทดสอบเสียที สำหรับ ซิตี้ ซีเอ็นจี รถยนต์ขนาด 1.5 ลิตรรุ่นแรกที่ติดตั้งระบบก๊าซ CNG ประกอบสำเร็จออกมาจากโรงงาน
โดยครั้งนี้ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จัดทริปสั้นๆ ไปเช้า-เย็นกลับ เริ่มต้นจากศูนย์ฝึกอบรมของบริษัทฯ ในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน มุ่งหน้าสู่เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา ซึ่งมีระยะทางรวมเฉียด 300 กม.
ก่อนออกเดินทางหัวหน้าวิศวกรผู้ควบคุมโปรเจกการพัฒนาซิตี้ ซีเอ็นจี ได้อธิบายถึงสิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปจากรุ่นปกติ คือ การใส่ถังบรรจุก๊าซ CNG ขนาด 65 ลิตร ไว้ที่ห้องสัมภาระด้านท้าย ซึ่งมาพร้อมกับแผงกั้น เพื่อแบ่งสัดส่วนและ ป้องกันการกระแทก พ่วงด้วยท่อนำก๊าซผลิตจากสเตนเลสให้ความทนทานสูง และอุปกรณ์ลดแรงดัน ให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยควบคุมผ่านกล่องอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ECU ที่จะประมวลผลการจ่ายก๊าซอย่างแม่นยำ ให้กับหัวฉีดที่ติดตั้งบริเวณด้านบนของเครื่องยนต์
สำหรับตำแหน่งเติมก๊าซได้รับการออกแบบให้อยู่ใกล้กับจุดเติมน้ำมัน พร้อมเสริมลิ้นป้องกันการไหลย้อนกลับ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้ชนิดเชื้อเพลิงได้จากสวิตช์ควบคุมบริเวณคอนโซลหน้าด้านขวา ซึ่งอุปกรณ์ระบบก๊าซ CNG ที่ติดตั้งเข้าไปทั้งหมด ส่งผลให้ตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 80 กิโลกรัม ดังนั้น จึงต้องมีการออกแบบและปรับเซต ระบบรองรับแรงสะเทือนใหม่ทั้งหน้าและหลัง พร้อมกับการยัดคานเสริมความแข็งแกร่ง (Cross Bar) ภายใต้โครงสร้างตัวรถด้านท้าย เพื่อความนุ่มนวลและเสถียรภาพการทรงตัวขณะขับขี่สำหรับซิตี้ ซีเอ็นจีโดยเฉพาะ
ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 12.9 กก./ม.ที่ 4,800 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ Grade Logic Control พร้อมพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียนและเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS)
ส่วนระบบความปลอดภัยยังคงเดิมด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ระบบกันล้อล็อก ABS และกระจายแรงเบรก EBD ตามติดมาด้วยเช่นกัน
สำหรับจุดที่หัวหน้าวิศวกรให้ความสำคัญและเน้นย้ำเป็นพิเศษ คือ การพัฒนาวาล์ว, บ่าวาล์ว และเลือกใช้หัวเทียนที่ทนต่อสภาวะการใช้ก๊าซ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนผ่านการทดสอบประสิทธิภาพมาแล้ว ขณะเดียวกัน ด้านอัตราเร่งมีการปรับจูนได้เกือบเทียบเท่าการใช้น้ำมันเลยทีเดียว (เดิมให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.8 กก./ม.) ซึ่งแม้ตัวเลขที่แสดงจากกราฟทดสอบจะลดลง แต่ในด้านความรู้สึกขณะขับขี่แทบไม่เห็นความแตกต่าง ว่าแล้วจึงต้องขอพิสูจน์กันหน่อย...
ทั้งนี้ รูปร่างหน้าตาภายนอกเพิ่มเพียงเพลทโลโก้ CNG ที่ฝากระโปรงหลัง ส่วนเส้นสายความสปอร์ตรอบคันและรูปลักษณ์ความหรูหราภายในห้องโดยสาร ทุกอย่างยังคงมีอยู่ครบถ้วนเช่นเดิม
เมื่อได้เวลาล้อหมุนคณะสื่อมวลชนพร้อมประจำการ 4 คนต่อรถ 1 คัน เสียบกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วกดปุ่มสวิตช์สลับเชื้อเพลิง ไฟสีแดงแสดงการใช้น้ำมันจะเปลี่ยนเป็นสีส้มเพื่อบอกสถานะความพร้อม ก่อนระบบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวบ่งบอกการใช้ก๊าซอย่างเต็มตัว เมื่อเหยียบคันเร่งเกิน 1,500 รอบต่อนาที
ไม้แรกระยะทางจากถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าขึ้นทางยกระดับบูรพาวิถี (บางนา-บางปะกง) ลงมาที่อมตะนครถึงจุดแวะพักที่หนึ่งรวมกว่า 70 กม. โดยการเริ่มต้นเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ด้วยน้ำหนักของสิ่งมีชีวิตเฉลี่ยคนละ 75 กก. หรือรวมประมาณ 300 กก. บวกกับถัง NGV ซึ่งเติมก๊าซมาเต็มความจุ ในช่วงแรกนี้รับรู้ได้ถึงการยุบตัวของ ตัวรถด้านท้ายมากเป็นพิเศษ ขณะรถเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือเปลี่ยนเลนกะทันหัน ออกอาการยวบบ้างแต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด
ไม้ที่สองจากบายพาสมุ่งหน้ามอเตอร์เวย์จนไปสุดที่พัทยาด้วยระยะทางใกล้เคียงกัน ช่วงนี้พลขับขอลองสับสวิตช์มาใช้น้ำมันบ้าง ปรากฏว่าทุกคนในรถพร้อมใจตั้งสมาธิจดจ่อ รอสัมผัสอัตราเร่งว่าจะแตกต่างจากการใช้ก๊าซ NGV ขนาดไหน และได้ผลเป็นเอกฉันท์ว่า เร่งดีกว่านิดเดียวจริงๆ ซึ่งหากไม่เฝ้าสังเกตแทบไม่รู้ว่าวิ่งด้วยก๊าซหรือน้ำมันกันแน่
พอเข้าสู่ช่วงขากลับผู้เขียนรับอาสาเป็นไม้ที่สาม หวังจับอาการสะดุดของรอบเครื่องยนต์ เนื่องจากเคยผ่านมือรถที่ติดก๊าซมาบ้างพอสมควร และบางคันมีปัญหารอบเครื่องกระตุกหรือเดินเรียบไม่คงที่ อย่างไรก็ตาม ซิตี้ ซีเอ็นจี ไม่แสดงออกถึงปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด และท้ายที่สุดมาถึงจุดแวะพักสุดท้ายเพื่อเปลี่ยนคนจับพวงมาลัย และขับกลับศูนย์ฝึกอบรมฮอนด้าย่านบางชันเป็นอันปิดทริปอย่างสมบูรณ์
สำหรับอัตราสิ้นเปลืองก๊าซ CNG จากค่าเฉลี่ยรถทดสอบที่ใช้ความเร็วตลอดเส้นทางอยู่ที่ 110-130 กม.จำนวนทั้งหมด 4 คัน ผลออกมาขออนุญาตสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องคิดมากให้ปวดหัวว่า วิ่งหนึ่งกิโลเมตรจ่ายไม่ถึงหนึ่งบาท
ทั้งนี้ ฮอนด้า ซิตี้ ซีเอ็นจี มีให้เลือก 2 รุ่น คือ S CNG ราคา 659,000 บาท และรุ่น V CNG ราคา 706,000 บาท ซึ่งหากเข้าโครงการรับสิทธิ์คืนภาษีรถยนต์คันแรกจะได้รับเงินเต็มจำนวน 1 แสนบาททั้งสองรุ่น
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ [18079 Views]
|