ฤกษ์งามยามดี วันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 ที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบบิ๊กไบค์ ฮอนด้า ซีบีอาร์ 500 อาร์ (CBR500R) โกบอลโมเดลที่มีฐานการผลิตอยู่ในเมืองไทยและส่งขายทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พัทยา ที่สำคัญนับว่าเป็นการเปิด ให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ ครั้งแรกในโลก
ก่อนอื่นมาสำรวจหน้าตากันก่อนว่าจะสวย-หล่อ โดนใจกันขนาดไหน เริ่มจากไฟหน้าตาคู่ ถอดแบบเอกลักษณ์ของ รุ่นพี่ซีบีอาร์ 1000 อาร์อาร์ ชุดแฟริ่งมีช่องแรมแอร์เล็กๆ เหนือไฟเลี้ยว ซึ่งมาในสไตล์เรียบหรู ไม่ฉูดฉาด ดูโอบกระชับลงตัวกับถังน้ำมันขนาดใหญ่ความจุ 15.5 ลิตร ฝาถังเป็นแบบเปิดแล้วถอดออกได้ เบาะนั่งสองชั้น แยกชิ้น ส่วนการออกแบบด้านท้ายโดยเฉพาะมือจับหลัง แม้ว่าจะเป็นดีไซน์ใหม่ แต่หากดูผิวเผิน ยังเหมือนของเดิมตระกูล 150 และ 250
สำหรับอุปกรณ์ติดรถ เรือนวัดความเร็วดิจิตอล บอกครบทุกสถานะที่ผู้ขับขี่ควรทราบ สวิทซ์ด้านขวาไม่คุ้นตา เมื่อเพิ่มปุ่มไฟผ่าหมากเข้ามา เช่นกันกับด้านซ้ายสำหรับปุ่มสัญญาณไฟเลี้ยวและแตรซึ่งสลับกัน โดยทางฮอนด้าให้เหตุผลว่าเป็นตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกที่สุด
สรุปโดยรวมแล้วครึ่งคันด้านหน้าให้ผ่าน ส่วนด้านท้ายยังไม่โดน อย่างไรก็ตาม ต้องเน้นย้ำก่อนว่า เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกเป็นความชอบส่วนบุคคล หากลองไปถามความคิดเห็นจากนักบิดท่านอื่น อาจได้คำตอบตรงกันข้ามก็ได้
มาว่ากันที่สมรรถนะการขับขี่ดูบ้าง จากการที่ค่ายปีกนกจัดให้สื่อมวลชนทดสอบขี่วนในสนามพีระฯ เซอร์กิต ประมาณ 15 นาที หรือราวๆ 5-6 รอบสนาม สัมผัสแรกท่านั่งรู้สึกสบาย ไม่ต้องก้มหลังหรือเหยียดแขน มากจนเกินไป ตำแหน่งแฮนด์บังคับและระดับพักเท้าไม่ต่างจากรุ่นน้อง 250 มากนัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ผู้ขับขี่สามารถวางท่อนขาแนบกระชับกับถังน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น
ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ปริมาตรความจุ 471 ซีซี 2 สูบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด การตอบสนองของอัตราเร่งให้ความแรงไหลลื่น เรียบเนียนไม่กระโชกโฮกฮาก ซึ่งส่งผลให้การควบคุม วิ่งเข้า-ออกโค้งทำได้อย่างคล่องตัว ไม่มีอาการฝืน ประหลาดใจเมื่อมากางสเปกรู้ทีหลังว่าเจ้าซีบีอาร์ 500 อาร์ มีน้ำหนักตัวรถประมาณ 195 กก. แต่ให้ความรู้สึกขณะขับขี่ว่าตัวรถเบาและบังคับได้ง่ายกว่ามาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน
ส่วนระบบเบรกและช่วงล่าง ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของโมเดลนี้ เพราะทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด แม้จะใช้ดิสก์เบรกเดี่ยวก็ตาม แต่เสริมระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง ขณะที่ช่วงล่างยึดเกาะถนนได้แน่นหนึบ และแทบไม่ส่งแรงสะเทือนมาถึงผู้ขับขี่ แถมจัดเต็มด้วยโปรลิงค์ปรับได้ 9 ระดับ รวมถึงใช้ล้อและยาง ขนาดใหญ่ไซส์เดียวกับคู่แข่งในพิกัดเครื่องยนต์ใหญ่กว่าอีกด้วย
ดังนั้นบทสรุปของการทดสอบครั้งนี้ เมื่อดูจากราคาที่เปิดตัวออกมา 210,000 บาท (รวมอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่แล้ว) แม้ว่าหน้าตาและอุปกรณ์บางส่วนจะใช้ร่วมกับรุ่นน้องซีบีอาร์ 250 อาร์ ทำให้รูปโฉมไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไรนัก แต่ถ้าเทียบสมรรถนะโดยรวมถือว่าคุ้มค่าสมราคา ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ขี่สนุก บิดคันเร่งและเทโค้งได้อย่างเต็มอิ่ม...
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ [13122 Views]
|