ถ้านึกถึงดูคาติ คุณจะคิดถึงอะไร?
รถจักรยานยนต์ทรงสปอร์ตคันโต สีแดง มาดเท่ห์ ดีไซน์เฉียบ บุคลิกเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สมรรถนะแรงเร้าใจ แน่นอนสิ่งทั้งหลายที่ว่ามา นี่คือเอกลักษณ์ภาพจำอันแข็งแกร่งที่แบรนด์สองล้อค่ายอื่นยากจะต่อกร
แต่ถึงอย่างนั้น นอกเหนือจากความโดดเด่นดังกล่าว บิ๊กไบค์ชื่อก้องโลกสัญชาติอิตาเลียน เขาก็อยากสื่อสารให้สาวกนักบิดทั่วโลกได้รู้ว่า พวกเขายังมีผลิตภัณฑ์ที่มีคาแรคเตอร์อีกด้าน ซึ่งสามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่สายสปอร์ตด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไบค์เกอร์หน้าใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว อยากได้มอเตอร์ไซค์ที่สะท้อนตัวตน ควบคุมง่าย มีความเป็นมิตร ขณะเดียวกันมือเก๋าก็ชอบ เพราะขี่สนุก ลุยได้ทุกที่ ที่สำคัญสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายอีกต่างหาก
จะว่าไปหลายคนคงยังไม่รู้หรือคาดไม่ถึง ว่าแบรนด์สุดหรูจากแดนมักโรนีจะสามารถตอบสนองความต้องการกลุ่มนี้ได้ แถมทำได้ดีเสียด้วย
ตัวเลือกที่ว่านั้นก็คือ ดูคาติ สแครมเบลอร์(Ducati Scrambler)
หล่อเข้มเน้นใช้งานสบาย
ถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ดูคาติ คงพอคุ้นชื่อ สแครมเบลอร์ อยู่บ้าง เพราะต้นกำเนิดโมเดลรุ่นนี้ เริ่มทำตลาดครั้งแรกตั้งแต่ปี 1962 ก่อนจะเว้นช่วงไปตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นมา จนกระทั่งปี 2014 สองล้อยี่ห้อดังแห่งเมืองโบโลญญ่านำกลับมารีบอร์นอีกครั้ง ด้วยพิกัดเครื่องยนต์ขนาด 800 ซีซี.
ด้านฟีดแบ็กการตอบรับจากกลุ่มนักบิดตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา ระหว่าง 2015-2017 ทุกโมเดลของตระกูลสแครมเบลอร์ มียอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 46,000 คัน
ล่าสุด เพื่อเติมความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ทางดูคาติจึงจัดการปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์ในปี 2018 นี้ พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วที่ประเทศอิตาลี รวมถึงที่บ้านเราในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่ผ่านมา
สำหรับ ดูคาติ สแครมเบลอร์ โฉมปี 2018 มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ได้แก่ ไอค่อน (Icon) สีเหลือง ราคา 389,000 บาท และสีส้ม 395,000 บาท, คาเฟ่ เรเซอร์ (Caf? Racer) ราคา 470,000 บาท, เดซเซิร์ท สเลด (Desert Sled) ราคา 480,000 บาท และ ฟูล โทรททัล (Full Throttle) ราคา 440,000 บาท
โดยในแต่ละรุ่นก็จะมีอุปกรณ์ติดรถที่แตกต่างกันออกไป หากแต่ในภาพรวมจุดเด่น 4 ข้ออันเป็นหัวใจของสแครมเบลอร์ ยังอยู่ครบถ้วนทุกประการ นำโดยยางบั้ง Knobby Tyres, เบาะนั่งตอนเดียวสไตล์ SCR Seat, ถังน้ำมันทรงหยดน้ำ Drop Fuel Tank และแฮนด์บาร์ทรงสูงขนาดใหญ่ Larger Handlebar
ส่วนรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปจากโฉมก่อนหน้า มีการเพิ่มเติมความหล่อเหลาและฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบายขึ้น ได้แก่ ระบบไฟ LED รอบคัน, ไฟหน้ามีกากบาทสีดำ, หน้าจอแสดงผลเพิ่มตัวเลขตำแหน่งเกียร์และระดับปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, เปลี่ยนจากคลัชท์สายเป็นแบบไฮดรอลิกหรือคลัชท์น้ำมัน, มิติเพลทขอบถังน้ำมันมีความโดดเด่นขึ้น, ครีบเสื้อสูบเครื่องยนต์และล้อแมกซ์ปัดเงาเหมือนกับพิกัดตัว 1100 ซีซี, เบาะนั่งปรับทรงให้รองรับสรีระผู้ขับขี่ให้รู้สึกสบายขึ้น รวมถึงเพิ่มเติมระบบ Cornering ABS ให้ความปลอดภัยขณะใช้เบรกในโค้ง
เอ็นจอยกับรถ สนุกกับเส้นทางขับขี่
ก่อนการเผยโฉมตัวเป็นๆ สู่สายตาชาวโลก ดูคาติได้จัดรอบเทสต์ให้สื่อมวลชนสัมผัสประสบการณ์ความสนุกกับสแครมเบลอร์ รุ่นไอค่อน ซึ่งเป็นตัวเริ่มต้นและเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของรถตระกูลนี้
โดยทริปทดสอบสุดพิเศษจัดขึ้นถึงประเทศแม่ที่แดนมักโรนี ภายในย่านชนบทของเมืองเซียน่า แบ่งเส้นทางออกเป็น 2 ช่วง ขึ้นเหนือและลงใต้ รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 140 กิโลเมตร
สัมผัสแรกเป็นอย่างไร
เริ่มจากท่านั่งการควบคุมรู้สึกได้ถึงความสบายที่โดดเด้งขึ้นจากโฉมเก่าชัดเจน ด้วยดีไซน์เบาะนั่งที่มีเหลี่ยมสันและความโค้งมนลงตัวขึ้น ตลอดจนการเซตอัพระบบช่วงล่างหน้า-หลังใหม่ให้มีความนุ่มนวลมากขึ้น ซึ่งจุดนี้เองตอนที่ทีมงานผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ข้อมูล เขาไม่ได้ย้ำถึง แต่ตั้งใจมาบอกทีหลัง เมื่อตอนจบทริปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะขับขี่สบายขึ้น แต่ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนก็ไม่ได้ลดลง การใช้ความเร็วตลอดทริปน่าจะอยู่ระหว่าง 80-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในโค้งแน่นหนึบมั่นใจ เช่นเดียวกับระบบเบรกที่ให้ความปลอดภัยอย่างดีเยี่ยม
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ยังประจำการด้วยบล็อก L-Twin 2สูบ ขนาด 803 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 73 แรงม้า ที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 67 นิวตัน-เมตร ที่ 5,750 รอบต่อนาที
ในส่วนของอัตราเร่งให้ความสนุกแบบจัดจ้านถึงใจ มีความดิบเล็กๆ บนถนนทางดำบิดซิ่งคล่องตัว พอลองย่ำทางฝุ่นก็ให้อารมณ์ความเสียวซ่านไปอีกแบบ
หากให้กล่าวสรุปแบบรวบรัด ตัวรถควบคุมง่าย ขี่แล้วสนุกจริง ซึ่งความประทับใจนี้อาจเป็นความรู้สึกที่ต่อยอดมาจากรูปแบบการจัดงานด้วย
อะไรทำให้รู้สึกแบบนั้น เพราะทริปทดสอบครั้งนี้บรรยากาศมีความเป็นกันเองมาก ค่อนข้างฟรีสไตล์เข้าใจถึงธรรมชาติของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่แข็งเกร็งแบบทางการเกินไปนัก รวมถึงผู้ร่วมกิจกรรมมีความใกล้ชิดระหว่างกันมากกว่าทริปไหนๆ ที่เคยสัมผัส
...ต่อไปนี้ถ้านึกถึงค่ายบิ๊กไบค์สุดหรูจากอิตาลี นอกจากรถสปอร์ตสีแดงแล้ว ผมคงต้องคิดถึงความสนุกของโมเดลรุ่นสแครมเบลอร์ด้วยแน่ๆ
ในทางกลับกัน ถ้ามองหารถที่มีบุคลิกความสนุกเป็นกันเอง ดูคาติ สแครมเบลอร์ เป็นตัวเลือกที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นชัดเจนในด้านนี้มากที่สุด.
จากซ้ายไปขวา ดูคาติ สแครมเบลอร์ โฉมล่าสุด เวอร์ชั่นปี 2014 และต้นตำรับปี 1962
ที่มา : MGR Online
|