หากยังจำกันได้หลังจากค่ายปีกนกเปิดตัวบิ๊กไบค์โกลบอลโมเดลรุ่นแรกในซีรีส์ 500 ลงสู่ตลาดเมื่อปลายปี 2012 พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ประเดิมสัมผัสสมรรถนะผ่านโฉมแนวสปอร์ตรุ่น ซีบีอาร์ 500 อาร์ (CBR500R) ส่วนอีกสองโมเดลในตระกูลเดียวกัน ประเภทเน็กเก็ตรุ่นซีบี 500 เอฟ (CB500F) และสไตล์แอดเวนเจอร์รุ่นซีบี 500 เอ็กซ์ (CB500X) ล้วนเว้นวรรคการจัดกิจกรรมทดสอบเป็นกลุ่ม โดยฮอนด้าเลือกปล่อยรถทดสอบ แบบเดี่ยวแทน
แม้ว่าเวลาจะผ่านเลยมานานพอสมควรแล้ว แต่ความน่าสนใจยังคงมีอยู่โดยเฉพาะตัวลุยในรหัสเอ็กซ์ เมื่อการเพิ่มโกลบอลโมเดลรุ่นที่สองของตระกูล 650 เครื่องยนต์ 4 สูบ มีแค่โฉมสปอร์ตและเน็กเก็ตเท่านั้น และไม่มีวี่แววว่าจะแตกไลน์มาสู่ประเภทแอดเวนเจอร์ด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุผลทำให้ตัวเลือกสำหรับการใช้งานขี่เที่ยวหรือเดินทางไกล อย่างรุ่นซีบี 500 เอ็กซ์ โดดเด่นมากขึ้น เพราะถือว่าเป็นบิ๊กไบค์ตัวเลือกเดียวในค่ายที่มีอยู่ตอนนี้
ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ไม่แตกต่างจากพี่น้องร่วมสายพันธุ์ บล็อกเดียวกันในปริมาตรความจุ 471 ซีซี. 2 สูบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ด้วยอัตราทดที่เท่าเดิม ดังนั้น การตอบสนองของ อัตราเร่งจากแรงบิดที่ข้อมือ ยังคงมีจุดเด่นอยู่ที่ความนุ่มนวล โดยความแรงถูกปล่อยออกมาต่อเนื่องเรียบเนียน ไม่กระชากหรือรุนแรง อีกทั้งขณะผ่อนคันเร่งหรือแรงหน่วงของเอ็นจิ้นเบรกก็ไม่แสดงอาการจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นมิตรสำหรับนักบิดมือใหม่เป็นอย่างมาก
สำหรับระบบช่วงล่างตอกย้ำความเป็นมิตรกับผู้ขี่เช่นกัน ด้วยการทำหน้าที่ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม ลดแรงกระแทก จนแทบไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือน โดยด้านหน้าเทเลสโคปิกขนาด 41 มม. ระยะยุบตัว 140 มม. ส่วนด้านหลัง สวิงอาร์ม จับคู่กับโช้กอัพเดี่ยวเสริมโปรลิงค์ปรับได้ 9 ระดับ ส่วนระยะยุบตัวต่างไปจากซีรีส์เดียวกัน เล็กน้อยจากเดิม 119 มม. มาเป็น 118 มม.
ด้านรายละเอียดที่ต่างออกไป ส่วนใหญ่แล้วเป็นรูปร่างและหน้าตาที่ปรับเปลี่ยนตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งมีผลต่อท่าทางการขี่และการควบคุมรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เริ่มจากเหนือดวงไฟหน้าถูกติดตั้งชิลด์ขนาดใหญ่ พร้อมชุดแฟริ่งคล้ายปากนกใช้แหวกลม ตามหลักอากาศ พลศาสตร์ ชุดแฮนด์แบบทรงทรงสูงสำหรับอำนวยความสะดวกขณะขี่ ด้านความสูงเบาะ ระยะฐานล้อ รวมถึงมิติตัวรถขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับน้ำหนักตัวรถที่มากขึ้นอยู่ที่ 197 กก.
ขณะที่ออฟชันติดรถยังคงจัดเต็มมาให้คุ้มค่าเหมือนเดิม นำโดยเรือนวัดความเร็วดิจิตอล บอกครบทุกสถานะ ที่ผู้ใช้ควรทราบ พร้อมระบบเบรก ABS และระบบกุญแจนิรภัย H.I.S.S. (Honda Ignition Security System) ลิขสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้า สำหรับป้องกันการโจรกรรมด้วยกุญแจฝังชิพพิเศษ ซึ่งจะตั้งรหัสให้ตรงกับช่อง เสียบกุญแจเท่านั้น
ในส่วนของการใช้งานจริง ท่านั่งสบาย ช่วงแขนเป็นอิสระและไม่รู้สึกเกร็งขณะขี่ ในเมืองการควบคุมคล่องตัว จังหวะเร่งแซงอาจจะไม่ปรู้ดปร้าดหรือทันใจวัยรุ่น แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่ ส่วนการออกทริปถ้าไม่ใช้ความเร็ว จนเกินไปนัก รับรองว่าร่วมขบวนได้ทุกขนาดซีซี.แน่นอน
ท้ายที่สุดสำหรับความโดดเด่นของโฉมแอดเวนเจอร์ในซีรีส์ 500 รุ่น ซีบี 500 เอ็กซ์ สนนราคา 215,000 บาท ภาพรวมการทดลองขี่ทำได้ประทับใจ แม้ว่าความหล่อจะไม่สะดุดสายตามากนัก แต่การใช้งานค่อนข้างตอบโจทย์ ได้กว้าง ขี่ในเมืองคล่องตัว ใช้เที่ยวหรือเดินทางไกลนั่งสบายและประหยัดน้ำมัน ด้วยอัตราการบริโภคเฉลี่ย ประมาณ 22 กม./ลิตร ถือว่ามีความคุ้มค่าและราคาสบายกระเป๋าที่สุด เมื่อเทียบกับตัวเลือกประเภทเดียวกัน ของค่ายอื่นที่มีอยู่ในตอนนี้
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ [10707 Views]
|