ค่ายยามาฮ่ากลับมาเดินหน้าลุยตลาดรถสปอร์ตขนาดเล็กอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนานเกือบ 20 ปี ตั้งแต่สิ้นสุดยุคทองของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ด้วยการส่ง ยามาฮ่า อาร์ 15 (Yamaha YZF - R15) สนนราคา 85,000 บาท ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยโมเดลนี้เป็นรุ่นที่ประกอบและนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย หรือเป็นเวอร์ชันสอง (รุ่นแรกผลิตและทำตลาดในประเทศอินเดีย) ที่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอก โดดเด่นด้วยไฟหน้าคู่มาพร้อมหลอดไฟ 4 ดวง แยกไฟสูง-ต่ำ ไฟหรี่ ฝั่งละสองดวง ถอดแบบมาจากรุ่นใหญ่ในตระกูลอาร์ซีรีย์ สอดรับกับชุดแฟริ่งที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยวให้อารมณ์ความสปอร์ต ใช้เส้นสายผสานความโค้งมนและเหลี่ยมสันได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ด้านหน้ามาถึงถังน้ำมันไปจนบั้นท้าย ทรงตูดมดพร้อมไฟท้ายแบบ LED เสริมกับเบาะนั่งแยกส่วนสองตอนแบบฉบับรถสปอร์ตขนานแท้
เรียกได้ว่าความหล่อของหน้าตาหากพูดกันตามตรง ถ้าไม่ใช่คนที่ติดตามข่าวในวงการสองล้อ คงแยกไม่ออกว่ารุ่นนี้จัดอยู่ในประเภทบิ๊กไบค์หรือรถสปอร์ตไซส์เล็กกันแน่
นอกจากนี้ในด้านออฟชันติดรถ ไฮไลท์อยู่ที่เรือนวัดความเร็วใช้มาตรวัดแบบอนาล็อกและดิจิตอล เอาใจนักบิดที่ชอบเล่นกับรอบเครื่องยนต์โดยเฉพาะ พร้อมการแสดงสถานะระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ทริปวัดระยะทาง 1 และ 2 ส่วนสวิตช์แฮนด์ฝั่งขวาใช้ควบคุมการสตาร์ทและเปิด-ปิด การทำงานของเครื่องยนต์ ขณะที่แฮนด์ฝั่งซ้ายใช้ควบคุมไฟสูง-ต่ำ ไฟเลี้ยว แตร และไฟขอทาง
ส่วนของท่านั่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งเจ้าตลาดกลุ่มนี้อย่าง ฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ (Honda CBR150R) ผู้ท้าชิงจากแดนอิเหนาค่อนข้างได้เปรียบหากวัดกันที่เอกลักษณ์ของความเป็นรถสปอร์ต ด้วยองศาลำตัวผู้ขี่จะโน้มต่ำเข้าหาถังน้ำมัน และรู้สึกได้ถึงความกระชับเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถได้มากกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับต้องก้มจนเกินอาการเมื่อยล้า โดยการควบคุมรถทำได้อย่างคล่องตัว ด้วยตำแหน่งท่านั่งบวกกับน้ำหนักของรถที่เบา ส่งผลให้การบังคับพลิกเลี้ยวสามารถทำได้ง่าย
สำหรับการทำหน้าที่ของระบบช่วงล่างเซตมาจากโรงงานทั้งหน้าและหลังให้อารมณ์ความสปอร์ต ยึดเกาะถนนมั่นคงและไม่แข็งกระด้างจนเกินไป โดยมีจุดน่าสนใจอยู่ที่การใช้สวิงอาร์มหลังเป็น อลูมิเนียมจับคู่กับกระเดื่องช่วยซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 149 ซีซี สูบเดียว SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด อัตราเร่งหากขี่ใช้งานปกติไม่เค้นรอบสูง ด้านความเร้าใจจะใกล้เคียงคู่แข่ง แต่ถ้าเน้นซิ่งดันรอบช่วงเปลี่ยนเกียร์แตะเรดไลน์แล้วละก็จะกลายเป็นอีกอารมณ์หนึ่งทันที เพราะความแรงช่วงต้นและกลางจะถูกปลดปล่อยออกมาแบบสัมผัสได้เลยทีเดียว
สรุปภาพรวมการได้สัมผัส ยามาฮ่า อาร์15 จุดเด่นนอกจากความหล่อขั้นเทพที่มาพร้อมการขี่ที่สนุกและคล่องตัวแล้ว สำหรับนักบิดมือใหม่ที่รักความสปอร์ต ยังสามารถนำไปใช้เป็นรถครูหรือฝึกซ้อมทักษะการขี่ในสนามได้อีกด้วย
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ [8924 Views]
|