ไม่เกี่ยวกับละครซีรีย์ขวัญใจวัยรุ่น แต่เรากำลังพูดถึงบิ๊กไบค์ที่มีบุคลิกของความปราดเปรียว เต็มเปี่ยมไป ด้วยสมรรถนะและพละกำลังที่เหลือล้น ซึ่งพร้อมจะมอบประสบการณ์ความเร้าใจ ให้กับนักบิดได้โลดแล่น เคลื่อนไหวอย่างสนุกสนานบนท้องถนน ภายใต้คำจำกัดความที่ไม่ต้องอธิบายกันให้ยืดยาว สำหรับ ดูคาติ ไฮเปอร์โมตาร์ด ด้วยการมอบตำแหน่งให้เป็นรถคู่ใจวัยฮอร์โมน
ต้องรอกันนานเกือบข้ามปีเลยทีเดียว กว่าจะได้ลองขี่หนึ่งในโมเดลที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ของแบรนด์ดังจากแดนมักโรนี หลังจากเคยสัมผัส ไฮเปอร์สตราด้า (Hyperstrada) ราคา 549,900 บาท ฝาแฝดผู้น้องที่เสริมออฟชันบางอย่างขึ้นมา พร้อมกับราคาที่เพิ่มขึ้นประมาณ 50,000 บาท ประกอบด้วย กล่องข้างสองใบขนาด 50 ลิตร, ชิลด์บังลมด้านหน้า, บังโคลนซุ้มล้อหน้า-หลัง, ชุดมือจับคนซ้อน, ขาตั้งคู่, การ์ดกันเครื่องยนต์, ช่องเสียบชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 2 ช่อง, เบาะต่ำลง 810 มม. (เดิม 850 มม.), แฮนด์บังคับสูงขึ้น 20 มม. และโช้กหลังปรับพรีโหลดความแข็งหรืออ่อนด้วยไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งหมดนี้จะไม่มีอยู่ในไฮเปอร์โมตาร์ด (Hypermotard) หรือแฝดผู้พี่ที่มีค่าตัวถูกกว่า ราคา 499,900 บาท แต่หากเปรียบเทียบสมรรถนะและความเร้าใจไม่ได้ด้อยลงไปเลย เพราะขุมพลังที่ใช้เป็น เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแบบ L-Twin 2สูบ ขนาด 821 ซีซี. 4 วาล์ว/สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 9,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 89 นิวตัน-เมตร ที่ 7,750 รอบต่อนาที
เช่นเดียวกับลูกเล่นที่เป็นตัวช่วยการขี่มีลักษณะให้เลือกใช้ 3 โหมด คือ แบบสปอร์ต ทัวริ่ง และในเมือง (sport, touring และ urban) รวมถึงระบบช่วงล่างและความปลอดภัยยังจัดเต็มมาพร้อมออฟชันชุด Ducati Safety Pack สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างอิสระให้กับระบบ DTC และ ABS เหมือนเดิมทุกประการ
สำหรับการลองขี่ครั้งนี้อยู่ภายใต้รูปแบบคาราวานท่องเที่ยวในทริป HYPE Experience หรือเป็นกิจกรรม ที่ทางดูคาติไทยแลนด์จัดขึ้น เพื่อเชิญชวนนักบิดหรือผู้ที่สนใจให้มาสัมผัสความสนุกในแบบไฮเปอร์ๆ ด้วยการร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่พร้อมกับบิ๊กไบค์ในฝันของตัวเองแบบวันเดย์ทริป
โดยเส้นทางที่เราได้ร่วมขบวนทดสอบจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่วังน้ำเขียว ไป-กลับ เกือบ 500 กิโลเมตร (จุดหมายและเส้นทางแตกต่างกันในแต่ละครั้งที่จัด) แม้สภาพอากาศจะไม่เป็นใจเท่าที่ควร เพราะต้องวิ่งฝ่า สายฝนเม็ดหนาที่ตกโปรยปรายเกือบตลอดทั้งวัน แต่ในด้านความสนุกเร้าใจยังคงใกล้เคียง กับครั้งที่เคยได้รับจากแฝดผู้น้อง ซึ่งบางช่วงมีโอกาสได้เร่งความเร็วแตะไปถึง 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง การควบคุมยังทำได้แม่นยำและมั่นใจเช่นเคย
นอกจากนี้ความประทับใจจากแฝดผู้พี่ดูเหมือนจะมากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อท่านั่งที่สูงขึ้นหรือเรียกว่าเป็นตำแหน่ง ดั้งเดิม ของรถรุ่นนี้ จากที่เคยรู้สึกเมื่อยล้าและหัวเข่าหนีบถังไม่กระชับ อาการดังกล่าวไม่ปรากฏจน แทบจะลืมข้อบกพร่องในจุดนี้ไปได้เลย
ขณะเดียวกันคุณสมบัติที่โดดเด่นอื่นๆ อย่างตัวรถที่น้ำหนักเบา พลิกเลี้ยวได้คล่องตัว ระบบช่วงล่าง เซตมาจากโรงงานเน้นใช้งานแบบสปอร์ต วิ่งเข้าโค้งให้ความรู้สึกกระชับและมั่นคง รวมถึงคันเร่งไฟฟ้า ที่เรียกพลังความแรงออกมาได้รวดเร็วทันใจ ทั้งหมดยิ่งเสริมการควบคุมและการขี่ให้มีความสนุกสนานยิ่งขึ้น
ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง หน้าจอแสดงผลวัดค่าเฉลี่ยได้เท่าครั้งที่แล้ว ประมาณ 4.9 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 20 กม./ลิตร
ถึงบรรทัดนี้หากจะหาคำที่สะท้อนบุคลิกได้ชัดเจนที่สุดแบบไม่เวิ่นเว้อ จากการทดลองขี่ ดูคาติ ไฮเปอร์โมตาร์ด คงไม่มีคำใดเหมาะสมไปกว่าการเป็นรถคู่ใจวัยฮอร์โมน
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นไง ไม่ต้องว้าวุ่น ไปลองร่วมทริป HYPE Experience แล้วจะเข้าใจเอง...
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ [9815 Views]
|