เป็นผลิตภัณฑ์แห่งความหวังของ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดชะตาด้านยอดขาย ในปีนี้ว่าจะไปถึงฝั่งฝันที่วางไว้หรือไม่ สำหรับ เอ็มจี 3 ที่ถูกจัดอยู่ในประเภทรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (บี-เซ็กเมนต์) ซึ่งถ้าถามถึงสถานการณ์ในตลาดนี้เวลานี้ คงต้องบอกได้เลยว่า ไม่หมู
เนื่องด้วยมองไปทางไหนของตลาดบี-เซ็กเมนต์ ก็มีคู่แข่งเต็มเอี้ยดแน่นไปเสียหมด ซึ่งวิธีวางหมากแก้เกมของเอ็มจี คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้เหนือกว่าเซ็กเมนต์ดังกล่าวเล็กน้อย โดยกำหนดอยู่ที่ บี+ และนิยามคำจำกัดความสั้นๆ ไว้ว่า คุณภาพและสมรรถนะเหนือกว่าในราคาเทียบเท่า
จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรมให้สื่อกว่า 15 ชีวิต ซึ่งถือเป็นกลุ่มบุคคลกลุ่มแรกๆ ที่ได้ยลโฉมและสัมผัสผลิตภัณฑ์แบบพอหอมปากหอมคอ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เข้าเรื่องตัวผลิตภัณฑ์กันเลยดีกว่า กับรูปลักษณ์หน้าตาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบ แฮตช์แบ็ก (5 ประตู) ด้วยเส้นสายรายละเอียด ที่มีความเฉี่ยวคมชัดเจน พร้อมสีสันตัวรถแบบทูโทน ที่มองมุมไหนก็น่ารักสะดุดตา พร้อมการออกแบบไฟหน้าและไฟท้ายที่สอดรับกับตัวรถอย่างมีสไตล์
เปิดประตูเข้ามาภายในห้องโดยสาร มีความกว้างขวางสะดวกสบายทั้งตำแหน่งที่นั่งด้านหน้าจนกระทั่งถึงตำแหน่งที่นั่งด้านหลัง รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ซึ่งการเลือกใช้วัสดุมีคุณภาพพอประมาณเช่นเดียวกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ที่มีมาให้ก็พอเพียงสำหรับการเดินทางพร้อมซันรูฟไว้มองดูดาวอีกด้วย
ส่วนตำแหน่งการวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและการออกแบบดูแปลกตาเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป ซึ่งหน้าตาจะละม้ายคล้าย ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์แบรนด์ แอปเปิ้ล ที่จะว่าไปก็ดูเรียบง่าย ถึงแม้จะพยายามให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่า ยังคงติดกับภาพลักษณ์ความเป็นผู้ดีอังกฤษที่เก็บเอาความโบราณไว้อยู่ และจะต้องใช้เวลาการเรียนรู้พอประมาณในการทำความเข้าใจกับการใช้งาน
ด้านสมรรถนะมาพร้อมด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ AMT (Auto-Manual Transmission) ที่ เอ็มจี เรียกว่า Celematic ที่รวมเอาข้อดีของ เกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดาเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเจ้าเกียร์แบบใหม่นี้ต้องบอกเลยว่าใช้งานยากเอาเรื่องพอสมควร ด้วยความไม่คุ้นตาไม่คุ้นชินกับตำแหน่งของคันเกียร์ที่กำหนดมาให้ ต้องใช้ระยะเวลาทำความเข้าใจพอสมควรประมาณหนึ่ง
สำหรับอารมณ์การขับขี่ต้องบอกเลยว่าสัมผัสได้พอประมาณ เนื่องจากการลองขับในครั้งนี้อยู่ในสนามที่ถูกจำลองขึ้นเป็นแบบทดสอบต่างๆ พอให้ได้รับรู้ความรู้สึกระดับหนึ่ง ซึ่งการตอบสนองของอัตราเร่งทำได้ดีพอประมาณเพียงพอต่อการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ขณะที่ช่วงจังหวะ เรียกความเร็วอาจต้องเปลี่ยนเกียร์ช่วยบ้างเล็กน้อย ส่วนคันเร่งไวไปนิด น้ำหนักเท้าแรงมากไปนิดเดียวถึงขั้นออกอาการคิกดาวน์ลงได้ง่ายไป
ส่วนช่วงล่างการทรงตัวถือว่าเป็นจุดเด่นที่ เอ็มจี 3 คันนี้ ทำได้ดีในทุกย่านความเร็วแม้อยู่ในสนามและเมื่อสาดโค้งเข้าเต็มที่ก็เอาอยู่หายห่วง รวมถึงการควบคุมโยนตัวและให้ตัวของตัวรถทำได้ดีมั่นใจแน่นหนึบ อย่างไรก็ตาม น้ำหนักพวงมาลัยอาจดูหนักไปสำหรับผู้หญิง หากแต่ส่วนตัวมองว่ากำลังพอเหมาะพอดีแม่นยำพอใช้
ถึงแม้จะยังไม่ใช่รุ่นที่ลงสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าไม่น้อยกว่า 90% ไม่ผิดเพี้ยนไปจากนี้แน่ ซึ่งรถยนต์คันนี้ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว สำหรับรูปลักษณ์ความใหม่ และสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองความต้องการได้ดีทีเดียว แต่โจทย์สำคัญอยู่ที่ ราคาขาย ที่เป็นตัวชี้วัดชะตากรรม ว่ารถคันนี้จะตอบโจทย์ตรงใจผู้บริโภคได้หรือไม่
ส่วนตัวมองว่า ถ้าเปิดราคามา ดีโดนใจ อนาคตไกลแน่ แต่หากเปิดราคามา แรงเกินใคร คงต้องเตรียมเก็บกระเป๋าม้วนเสื่อกลับแน่เช่นกัน ซึ่งผู้บริหารเอ็มจีเองก็แก้เกมหนักอยู่ไม่น้อย โดยจะต้องมีราคาให้เข้าถึงง่ายและแข่งขันได้ เพราะปัจจัยนี้เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเป็นอันดับต้นๆ แว่วๆ มาว่าราคาเริ่มต้นน่าจะเริ่มที่ต่ำกว่า 5 แสนบาท จนกระทั่งถึงรุ่นท็อปสุดที่ 6 แสนบาทโดยประมาณ
ที่มา : โพสต์ทูเดย [12676 Views]
|