สัปดาห์นี้อยู่กับความอเนกประสงค์ที่มาควบคู่กับความน่ารักน่าหลงใหลด้านการออกแบบ สำหรับ มินิ คูเปอร์ เอสดี คันทรีแมน ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวจริงๆ แถมยังเป็นราคาที่จับต้องง่ายขึ้น จากการผลิต และประกอบในประเทศไทย ส่งผลให้ราคาขายลดลงอย่างน่าสนใจ
เอาให้ชัดๆ เลยคือ คาแรกเตอร์ที่ชัดเจนทั้งรูปลักษณ์หน้าตาที่มีขนาดพอเหมาะพอคำ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป มีความคล่องตัว และยิ่งเป็นเวอร์ชั่นยกสูงอย่าง คันทรีแมน คันนี้ยิ่งเหมาะสมกับสภาวะพื้นผิวการจราจรทั้งในและนอกเมืองยิ่งนัก ไล่เรียงมาตั้งแต่ กระจังหน้าจรดไฟท้าย ด้วยชุดแต่งพิเศษ MINI ALL4 Exterior Styling จัดแจ่มสะดุดตา พร้อมไฟหน้าแบบไบซีนอนและโคมไฟหน้ารมดำ รวมถึงไฟตัดหมอกแบบ LEDอีกทั้งไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน (เดย์ไทม์รันนิ่งไลต์) สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว หลักใหญ่ใจความสำคัญของจุดที่ปรับเปลี่ยน อยู่ที่ไฟหน้าที่ดุดันคมเข้ม พร้อมทั้งชุดแต่งที่เพิ่มความหล่อมีสไตล์ขึ้น
 
สำหรับภายในห้องโดยสาร ออกแบบได้อย่างโดดเด่น เพราะตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปก็สัมผัส สิ่งที่ไม่เคยสัมผัสได้ในรถยนต์รุ่นอื่น คือ ความมีสไตล์แบบชัดเจนหลุดกรอบฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงข้อมูลขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมมาตรวัดบอกความเร็วแบบอะนาล็อก ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายตราชั่ง ซึ่งเป็นวงกลมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่บริเวณคอนโซลหน้า ส่วนมาตรวัดที่หลังพวงมาลัยเป็นมาตรวัดแบบ ผสมดิจิทัลบอกข้อมูล กับแบบอะนาล็อกบอกรอบเครื่องยนต์ การให้สีสันคงเน้นโทนดำตัดเมทัลลิก และแผงประตูเป็นสีเบจพร้อมเบาะที่นั่งหุ้มหนัง รวมถึงไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารสามารถปรับเปลี่ยนสีได้
นอกจากนั้น พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยไล่เรียงไปยังจุดต่างๆ ที่เป็นปุ่มกดใน รถยนต์คันนี้เป็นลักษณะสวิตช์ เปิด-ปิด ที่เป็นคันโยกขึ้น-ลง ทรงเท่เก๋ดี รวมถึงความครบครันของอุปกรณ์อำนวย ความสะดวกที่ให้มาเต็มพิกัดไม่ว่าจะเป็น ระบบ MINI Connect ระบบความบันเทิงที่รองรับทุกอุปกรณ์ อาทิ CD/DVD/MP3/USB/Bluetooth ที่มีพร้อมระบบควบคุมเสียงอัตโนมัติของระบบเครื่องเสียง Harman/Kardon ซึ่งมีลำโพงรอบทิศทางฝังอยู่ในแผงประตูทั้ง 4 ด้าน ให้อรรถรสความมันส์ตลอดการเดินทาง
ส่วนขุมพลังใต้ฝากระโปรงในรถยนต์คันนี้ คือ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,700 รอบ/นาที มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 9.5 วินาที รองรับน้ำมันไบโอดีเซล บี7 ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Steptronic อีกทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALL4-All Wheel Drive ที่การขับปกติจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าเป็นหลัก แต่ก็พร้อมจะ แบ่งกระจายไปด้านหลัง (10-50%) ตามสภาวะการขับขี่
อารมณ์ความรู้สึกด้านการขับขี่ ถือได้ว่าถูกอกถูกใจวัยรุ่นเป็นแน่แท้ เนื่องด้วยอัตราการตอบสนองที่ปรู๊ดปร๊าดเร้าใจ กดคันเร่งไปเท่าไรก็มาตามน้ำหนักเท้า ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแซง หรืออัตราความเร็วต่ำ ก็สามารถทำได้ดีไหลลื่นต่อเนื่อง อย่างน่าสนใจ สอดคล้องกับช่วงล่างการทรงตัวที่แน่นหนึบกระชับกระฉับกระเฉง โยกซ้ายป่ายขวาก็มั่นใจได้
มินิ ถูกจัดอยู่ในประเภทรถยนต์ระดับพรีเมียม ซึ่งมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จนกระทั่งล่าสุดในปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับ 600-700 คัน พร้อมอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นยอดที่เติบโตมาจากการใช้กลยุทธ์ด้าน มาร์เก็ตติ้งที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสังคมบนโลกออกไลน์ โซเชียลมีเดีย กิจกรรมไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้สังคมขยายวงกว้างสร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี
สรุปสั้นๆ เลยแล้วกันว่า รูปลักษณ์ดีไซน์ทั้งภายนอกภายในโดดเด่นสะดุดตาน่าหลงใหล ความสนุกสนานในการขับขี่ สนุกสนานเร้าใจ หากแต่ถามหาความสะดวกสบายแล้วนั้นอาจตอบได้ไม่เต็มปาก เพราะช่วงล่างที่ไม่นุ่มนวล แต่ก็ไม่แข็งกระด้าง ซึ่งเป็นสไตล์ของรถมินิ รวมถึงเบาะที่นั่งแบบโอบกระชับ ก็อาจทำให้ความรู้สึกส่วนนี้หายไปบางส่วน
หากต้องแลกด้วยความสนุกในการขับขี่กับความสบายที่หายไปถือว่า ยอมได้ แถมราคาค่าตัวอยู่ที่ 2.56 ล้านบาท ถือได้ว่าคุ้มกับสิ่งที่ได้รับด้านอารมณ์ที่อาจหาไม่ได้จากที่อื่น
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ [15826 Views]
|