สดๆ ร้อนๆ กับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ โตโยต้า ภายหลังห่างหายจากการเปิดตัวกระบะใหม่เป็นเวลานานกว่า 11 ปี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2558 ได้ทำการเปิดตัวในรุ่น โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย
จากนั้นไม่รอช้าจึงได้จัดให้คณะสื่อมวลชนได้ลองสัมผัสสมรรถนะรถกระบะคันดังกล่าวอย่างเต็มๆ บนเส้นทาง พิษณุโลก-อุดรธานี ด้วยระยะทางรวมกว่า 390 กม. ตลอดเส้นทางมีบททดสอบมากมายให้ได้รับรู้ความสามารถ ของเจ้ากระบะคันนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางคดโค้งขึ้นเขา, เส้นทางผ่านตัวเมือง หรือแม้กระทั่งบนทางหลวง ก็ตาม
นาทีแรกที่ได้ยินชื่อรุ่นนี้ยังต้องผงะหยุดฟังที่มาที่ไปกันเลยทีเดียวที่มาพร้อมสโลแกน ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต ฟังดูหรูเลิศอลังการตามสไตล์ ซึ่งเมื่อเดินสำรวจรอบคันจึงได้เข้าใจว่าทำไมถึงกล้าใช้คำนี้ เพราะ 11 ปีที่ห่างหายไปนานและกลับมาครั้งนี้กับความใหม่ทั้งหมดจริงๆ
รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกดูมีความหรูหรามากยิ่งขึ้น มองผ่านๆ เสมือนหนึ่งการนำการออกแบบของ โตโยต้า คัมรี่ มาไว้ก็ไม่ปาน ไล่เรียงตั้งแต่กระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ที่โดดเด่น ประกอบด้วย ไฟหน้าโปรเจกเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (เดย์ไทม์รันนิ่งไลต์) ไฟตัดหมอกและไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น อีกทั้งกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว สวยงามแจ่มใส
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร ก็เช่นเดียวกันเหมือนยกทั้งยวงของ โตโยต้า อัลติส ที่ดูออกแนวเรโทร ย้อนยุคนิดๆ แต่ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เกินความคาดหมายจากรถกระบะทั่วไป อาทิ หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเครื่องเสียงและเนวิเกเตอร์ ระบบ Push Start พร้อมระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ เมื่อรถหยุดนิ่ง (Auto Stop& Start) กุญแจ Smart Entry กล่องเก็บของพร้อมระบบรักษาความเย็น ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เป็นต้น
ให้ความรู้สึกกว้างขวางสะดวกสบายขึ้นแปลกตาจากรุ่นเก่าด้านอารมณ์ความรู้สึกขณะอยู่หลังพวงมาลัย อีกทั้งการเลือกวัสดุคุณภาพมาเป็นอย่างดี และทีเด็ดอย่างหนึ่งที่ชอบคือช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC220V) เรียกง่ายๆ คือเอาปลั๊กมาเสียบชาร์จได้เหมือนอยู่ที่บ้าน ซึ่งช่องดังกล่าวถูกติดตั้งอยู่ที่กล่อง เก็บของด้านข้างคนขับ
มาถึงเครื่องยนต์ที่ครั้งนี้เปลี่ยนยกบล็อกจากเดิมมีรหัสเครื่องยนต์ขึ้นต้นด้วย KD เปลี่ยนเป็น GD เน้นการลดขนาดเครื่องยนต์ให้เล็กลงแต่เพิ่มสมรรถนะพร้อมอัตราประหยัดที่ดีขึ้น จากเดิมมี 2 เครื่องยนต์ได้แก่ 1.เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร ลดลงเหลือ 2.8 ลิตร ให้กำลัง 177 แรงม้า จากเดิม 171 แรงม้า รวมถึง แรงบิดที่สูงขึ้นเป็น 450 นิวตัน-เมตร จากเดิม 360 นิวตัน-เมตร และ 2.เครื่องยนต์ขนาดเดิม 2.5 ลิตร ลดลงเหลือ 2.4 ลิตร ให้กำลัง 150 แรงม้า จากเดิม 244 แรงม้า รวมถึงแรงบิดที่สูงขึ้นเป็น 400 นิวตัน-เมตร จากเดิม 343 นิวตัน-เมตร
พร้อมทั้งระบบส่งกำลัง (เกียร์) เพิ่มขึ้นเป็น 6 สปีด จากเดิม 5 สปีด ซึ่งได้ตั้ง ระบบควบคุมรอบเครื่องยนต์ (IMT) เพื่อช่วยให้การทำงานของเกียร์สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ ให้ความนุ่มนวล ปลอดภัย และช่วยยืดอายุการใช้ งานจากการป้องกันการทำงานหนักของรอบเครื่องยนต์เกินความจำเป็น อีกทั้งช่วงล่างใหม่ทั้งหมด
โพสต์ทูเดย์ ได้ลองขับในรุ่น โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ พรีรันเนอร์ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler ตามรายละเอียดข้างต้น ซึ่งข้อแตกต่างจากรุ่นท็อปสุด คือ ระบบอัจฉริยะบางอย่างที่กล่าวไป ข้างต้นไม่มีบ้างก็เท่านั้น
อารมณ์การขับขี่ต้องบอกเลยว่า คุ้มค่ากับการรอคอย หายไป 11 ปีไม่ทำให้ผิดหวัง อัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เร้าใจในทุกย่านความเร็วจะเชนจ์เกียร์ช่วยเรียก ความเร็วหรือจะกดคันเร่งตามรอบเครื่องยนต์ก็สนุกสนานไม่น้อย พร้อมทั้งมีโหมด ECO และ PWR มาให้กดเลือกตามสภาพการใช้งาน เรียกได้ว่าหายห่วงเถอะทั้งกำลังลากขึ้นเขาและช่วงรอบเดินเบา
ที่ชอบจุดหนึ่งและเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงคือ ระบบช่วงล่างใหม่ ที่นุ่มนวล-หนึบขึ้น ให้ความมั่นใจใน การเกาะถนนมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน เพราะช่วงขึ้นเขาช่วงล่างนี้แสดงศักยภาพให้เห็นถึงการเกาะถนน แม้ตลอดเส้นทางจะมีฝนโปรยปรายลงมาเพิ่มอุปสรรคของเส้นทางขณะขับขี่ ซึ่งเจ้ากระบะ คันนี้ทำได้ดีเกินความคาดหวังเลยทีเดียว พร้อมทั้งระบบความปลอดภัยจัดเต็มเทียบเท่ากับ รถยนต์ระดับพรีเมียมเลยก็ว่าได้ อาทิ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย เป็นต้น
เอาเป็นว่าสรุปรวมแล้วกับ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่ ไม่เสียใจเลยสำหรับคนที่รอคอย ไม่ว่าจะเป็น ห้องโดยสารที่มีความเงียบได้ในระดับที่มีความสุด การตอบสนองของสมรรถนะและการทรงตัว สมราคาเจ้าตลาดจริงๆ แม้ว่าราคาค่าตัวจะสูงขึ้นกว่ารุ่นเดิมเฉลี่ย 1-4 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับสิ่งที่เพิ่มขึ้น มาแล้วยังน่าพอใจเลย เพราะมีราคาเริ่มต้นที่ 5.69 แสนบาท-1.13 ล้านบาท ส่วนรุ่นที่ได้ลองขับนี้ราคา 9.25 แสนบาท และถ้าเป็นไปได้โอกาสถัดไปจะนำรุ่นท็อปสุดมารีวิวอุปกรณ์ฉลาดล้ำต่างๆ แล้วกัน
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ [13846 Views]
|