ถือเป็นรถที่ขายดีที่สุดในเซ็กเมนต์ ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยด้วยยอดขายสะสมกว่า 2.2 แสนคัน สำหรับลูกค้าในประเทศ ยังไม่นับรวมตลาดส่งออกที่มีมากกว่า 1 แสนคัน สำหรับโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์
ไม่เพียงเป็นความสำเร็จของค่ายโตโยต้าเท่านั้น แต่จะถือเป็นความสำเร็จของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบรรดาค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่พัฒนาต่อยอดจากโปรดักต์แชมเปี้ยนอย่างรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ต่อยอดแตกอนุพันธ์กลายเป็นรถปิกอัพดัดแปลงหรือพีพีวี ซึ่งวันนี้มีค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ได้พัฒนาแนะนำรถ ประเภทนี้ออกสู่ตลาดบ้านเรา แถมยังมีการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ได้เป็นอย่างดี และปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่หากไม่นับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ที่อยู่ในภาวะอึมครึม แล้วละก็...การแข่งขันของค่ายรถยนต์ในตลาดรถประเภทนี้ จะมีดีกรีความร้อนแรงทะลุปรอท...เป็นแน่แท้
หลังจากโตโยต้าเปิดตัวฟอร์จูนเนอร์ใหม่ เรียกว่าสร้างกระแสความสนใจให้กับบรรดาแฟนคลับ และผู้ที่กำลังจะเปลี่ยนรถคันใหม่ เพราะการกลับมาครั้งนี้... สร้างความแตกต่างและความโดดเด่น แบบเหนือระดับ
จากแนวคิดการออกแบบฟอร์จูนเนอร์ครั้งนี้ โตโยต้าเน้นไปที่การรักษาจุดแข็งของตัวเอง และเสริมจุดที่คิดว่า ควรเติมเต็มเข้าไป ภายใต้คอนเซ็ปต์ QDR ที่ผสานเอา 3 จุดขายหลักของการพัฒนาผลิตภัณฑ์มา หลอมรวมกันเอาไว้ คือ การพัฒนาคุณภาพ หรือ Quality (Q) บวกกับความทนทาน หรือ Durability (D) และความน่าเชื่อถือ หรือ Reliability (R) มาไว้ในรถคันนี้ จัดว่ารูปโฉมของการออกแบบภายนอก โตโยต้ามองผาด ๆ เหมือนสลัดภาพโฉมก่อนหน้าไปแทบทั้งสิ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายเดิม ๆ
แต่ต้องยอมรับว่า ฟอร์จูนเนอร์ เวอร์ชั่นนี้ออกแบบมาได้ใกล้เคียงและกระเดียดไปทางเอสยูวีสุดหรู โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED สอดรับกับกระจังหน้า และกันชนที่เน้นความโฉบเฉี่ยว เพิ่มความกลมกลืนด้วยเส้นสายจากกระจังหน้า เลื้อยพาดผ่านไปที่ฝากระโปรง และด้านข้างไปจดที่ด้านท้าย ให้ความรู้สึกปราดเปรียวและแข็งแรงอยู่ในรถคันนี้เรียกว่า จากภายนอกฟอร์จูนเนอร์คันนี้ถือว่าลงตัวทุกสัดส่วน
การทดสอบครั้งนี้โตโยต้าเลือกใช้เส้นทางจากสนามบิน จ.สุราษฎ์ธานี-จ.ภูเก็ต โดย "ประชาชาติธุรกิจ" ได้ทดสอบตัวเครื่องยนต์ 2.8 V ขับ 2 รุ่นท็อป ทีมงานจัดให้นั่งคันละ 4 คน เรียกว่าลงตัว สลับกันขับ สลับกันนั่งในทุกตำแหน่ง ยกเว้นแถวที่ 3 ช่วงแรก
อาสานั่งเป็นผู้โดยสารในแถวนั่งตอนที่ 2 ความโอ่อ่าของห้องโดยสารและความสะดวกสบาย ที่โตโยต้าออกแบบภายในของรถคันนี้ถือว่าลงตัว มีพื้นที่พอให้ยืดแข้งยืดขาผ่อนคลายความเมื่อยล้า หากต้องนั่งในทางไกลโตโยต้ายังใส่ที่พักแขนมาไว้ให้กับผู้นั่งแถวที่ 2 ได้วางแขน แถมยังใส่ที่วางแก้วน้ำ เอาไว้ให้อีก 2 จุด ตรงพนักพิงแขน
ประหนึ่งให้อารมณ์ของผู้โดยสารที่เบาะที่นั่งแถว 2 เสมือนนั่งอยู่บนโซฟาสุดหรูพร้อมเสิร์ฟด้วยเครื่องดื่ม เพิ่มความผ่อนคลายได้ตลอดการเดินทาง ที่สำคัญการซับแรงกระแทกภายในห้องโดยสาร ฟอร์จูนเนอร์ทำ ออกมาได้ดี ไม่มีอาการโยนให้ยวบยาบ ให้หัวสั่นหัวคลอน แม้บางช่วงต้องขับผ่านเส้นทางขรุขระ ซึ่งเซตช่วงล่างมาได้อย่างเนี้ยบ ไม่แข็งกระด้างเกินไปหรือนุ่มนิ่มจนน่ารำคาญ
เมื่อได้จังหวะมาประจำการด้านหลังพวงมาลัย ปรับตำแหน่งอุปกรณ์ความปลอดภัยและความสะดวกต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ได้เวลาพิสูจน์ขุมกำลังของเครื่องยนต์ 2.8 V 2WD เกียร์อัตโนมัติ 177 แรงม้า ของรถคันนี้ วิ่งบนสภาพทางตรงยาว จังหวะเร่งแซงอาจจะต้องเผื่อระยะ กะเวลากันเล็กน้อย เนื่องจากการตอบสนอง ของเครื่องยนต์และอัตราเร่งอาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย แต่นั้นไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่เพราะเราสามารถ เรียนรู้ทำความเข้าใจและปรับตัวเข้าหาบุคลิกของรถได้
ตลอดเส้นทางก่อนเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต มีการซ่อมผิวทางเป็นระยะ ๆ บวกกับสายฝนที่ลงมาหนาเม็ด ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ บางจังหวะอาจทำให้ไม่มั่นใจได้ แต่ด้วยระบบความปลอดภัย โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์, ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่โตโยต้านำมาใส่ในรถคันนี้ถือว่าเอาอยู่
ด้านความคล่องตัวที่ฟอร์จูนเนอร์ใส่มาให้ครั้งนี้ ถือว่าน่าพอใจอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับขนาดของตัวรถที่สูงใหญ่ แต่ไม่ใช่ปัญหาในการขับเคลื่อน
ถึงตรงนี้ถือว่าโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์เป็นรถอีกคันที่ใส่ความน่าสนใจเอาไว้ได้ไม่ใช่น้อย...
ด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 1.199-1.599 ล้านบาท และสำหรับรุ่นนี้ 2.8V 2WD AT ที่ 1.449 ล้านบาท
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ จะเหมาะสมตรงกับความต้องการใช้งานของลูกค้ามากน้อยแค่ไหน คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์และมองกันยาว ๆ ที่สำคัญอำนาจการตัดสินใจซื้ออยู่ที่คุณแล้วล่ะ
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ [11573 Views]
|