ถ้าจะถามว่าอีโคคาร์ที่ขายดิบขายดี และครองใจลูกค้าชาวไทยได้มากที่สุด คำตอบอาจจะไม่ใช่แบรนด์ "ซูซูกิ" แต่จำนวนอีโคคาร์ สวิฟท์ ที่วิ่งกันอยู่บนท้องถนนบ้านเรา ก็การันตีความสำเร็จของ "ซูซูกิ" ได้เป็นอย่างดี
เท่านั้นยังไม่พอ วันก่อนค่ายซูซูกิตอกย้ำความสำเร็จโดยรายงานยอดขายทั่วโลก ซึ่งทำได้มากกว่า 5 ล้านคัน และในจำนวนนั้น ซูซูกิ สวิฟท์ ซึ่งเปิดตัวเมื่อพฤศจิกายน 2547 ถือเป็นตัวเร่งที่สำคัญ ภายใต้นโยบายเวิลด์ สแตรทิจิก โมเดล
ล่าสุด "ซูซูกิ" ได้เพิ่มความสดใหม่ให้กับอีโคคาร์ สปอร์ตคอมแพ็กต์แฮตช์แบ็กคันนี้ กับเวอร์ชั่นพิเศษ "ซูซูกิ สวิฟท์ ไซ (Sai)" ว่ากันว่า ซูซูกิตั้งใจเติมความสนุกเร้าใจให้กับรถคันนี้ โดยมาพร้อมกับสีสันที่โดดเด่น 3 โทนสี คือ ขาว, แดง และม่วง
ลองไปติดตามดูกันว่า "สวิฟท์ ไซ" น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน วันก่อน "ประชาชาติธุรกิจ" นำซูซูกิ สวิฟท์ ไซ มาทดสอบ ครั้งนี้เป็นสีม่วง Moonlight Violet ภายใต้ Iconic Design ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบสวิฟท์
โดดเด่นด้วยกระจังหน้า และกันชนที่ออกแบบมาใหม่ ให้อามณ์สปอร์ตเร้าใจ ชวนค้นหา ไฟแอลอีดีออกแบบ มาคล้ายรูปตัว L ติดอยู่ตรงสปอตไลต์ ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว ฝาถังน้ำมันมาพร้อม สติ๊กเกอร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ พร้อมตัวอักษร Sai
ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ อันโดดเด่น และบ่งบอกถึงความพิเศษกับรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น เช่นเดียวกับที่ฝากระโปรงด้านหลัง
รีโมตมาพร้อมกับ Keyless Entry ช่วยให้การเปิด-ปิดประตูห้องโดยสารสั่งการได้ง่ายดาย ไม่ต้องล้วงกระเป๋า หยิบกุญแจขึ้นมากดปุ่มให้ยุ่งยาก เพียงแค่จับเข้าไปที่ Request Switch ก็สามารถเปิดประตูรถได้ทันที
แถมซูซูกิยังออกแบบมาว่า เมื่อกดปุ่มคลายล็อก ระบบจะทำงานเฉพาะฝั่งผู้ขับขี่เท่านั้น ส่วนประตูอีก 3 บานจะไม่เปิด เว้นเสียแต่จะกดซ้ำอีกครั้ง จึงจะเปิดครบทั้งหมดซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความปลอดภัย ที่ซูซูกิตั้งใจจัดเต็ม
สวิฟท์ ไซ ยังมีปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ โดยไม่ต้องใช้กุญแจ
เอื้อมมือกดสวิตช์ระบบปรับอากาศ มีโหมดอัตโนมัติให้เลือก ใช้เวลาไม่นาน รถนี้พร้อมให้ความเย็นฉ่ำชื่นใจ
ภายในห้องโดยสารยังอัดแน่นและครบครันไปด้วยดีไซน์ เน้นความหรูดูดีมีสไตล์ด้วยโทนสีดำ
เบาะนั่งทำจากวัสดุพิเศษที่ผสมผสานหนังคุณภาพสูงกับผ้าชนิดพิเศษสีดำ ตัดกับขอบสีขาวช่วยเบรกความดุดัน เช่นเดียวกับพวงมาลัยและที่หุ้มหัวเกียร์ ซึ่งตัดขอบด้วยการเดินเส้นด้ายสีขาว และนำสีโครเมียมเข้ามาใช้ เพิ่มความอ่อนโยน เรียบหรู ดูมีรสนิยม เช่นเดียวกับคอนโซลหน้าสีดำตัดกับสีเงิน
ระบบความบันเทิงมีมาให้เพลิดเพลินทั้งวิทยุและระบบเชื่อมต่อยูเอสบี พร้อมปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย ซึ่งง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ ซูซูกิ สวิฟท์ ไซ คันนี้ยังได้นำระบบแพ็ดเดิลชิฟต์เข้ามาช่วย ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ ที่พวงมาลัยทันใจและแม่นยำ ที่น่าสนใจ อีโคคาร์คันนี้มีครุยส์คอนโทรล เซตล็อกความเร็วได้ด้วย
ขุมพลังของรถคันนี้เป็นบล็อกเดียวกับรุ่นปกติ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.25 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 118 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด และระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย
ทำงานประสานกับช่วงล่างที่แกร่ง
จังหวะเรียกรอบกระชากความเร็วของสวิฟท์ เวอร์ชั่นนี้ ไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชั่นปกติ กดแป้นปลุกเครื่องยนต์ เรียกความเร็วนั้น ยังต้องใช้เวลานิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด เมื่อความเร็วติดลมบน รถคันนี้ก็วิ่งได้ปรู๊ดปร๊าดทีเดียว
ยิ่งผสานกับความปราดเปรียว และความคล่องตัว ด้วยความสั้นและกระชับของตัวรถ ทำให้จังหวะการขับขี่ ซอกแซกของรถคันนี้ไปได้เรื่อย ๆ ขอเพียงแค่ให้มีพื้นที่เท่านั้นเป็นพอ
ส่วนการซับแรงกระแทกของช่วงล่าง เนื่องจากการออกแบบฐานล้อคู่หลังกว้างกว่าคู่หน้า ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน
พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต และระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมคอยล์สปริง ที่มีน้ำหนักเบาลงแต่แกร่งขึ้น ช่วยลดการโคลงของตัวรถ บางจังหวะที่วิ่งขึ้นเนินหลังเต่า หรือทางขรุขระ รับความรู้สึกในห้องโดยสาร ได้มากกว่าปกติ แต่ไม่ถึงกับ "หัวสั่นหัวคลอน"
ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าน่าจะถูกใจกับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความดิบของช่วงล่าง ซึ่งมีมาให้เล็ก ๆ ทำให้รถคันนี้เป็น อีโคคาร์อีกคันที่ครบเครื่องและขับสนุก
สำหรับราคาค่าตัว 599,000 บาท (สีขาวเพิ่ม 5,000 บาท) พิเศษช่วงนี้ ประกันภัยชั้น 1 ยาว 1 ปี และโปรแกรมช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 3 ปี
ส่วนแพ็กเกจสินเชื่อ รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ผ่านธนาคารเกียรตินาคินเท่านั้น
เท่านั้นยังไม่พอ งานนี้ "วัลลภ ตรีฤกษ์งาม" ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ยังฝากส่งข่าวถึงลูกค้า และผู้ที่สนใจจองรถและรับรถวันนี้ถึง 31 พ.ค.นี้ ยังรับสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ประเทศฝรั่งเศส พร้อมที่พักและบัตร เข้าชมฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป 2016 รอบ 8 ทีมสุดท้าย 8 รางวัล รางวัลละ 1 ท่านอีกด้วย
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
|