หลังจากฮอนด้าตัดสินใจส่งรถยนต์อีก 2 รุ่นใหม่ ในตระกูล เดอะซิตี้ ซีรีส์ เติมความครบครัน เพิ่มความครบเครื่องให้กับรถตระกูลนี้อย่าง ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ และ ซิตี้ แฮตช์แบ็ก
ไม่รอช้า ทีมงานฮอนด้าจัดทริปทดสอบรถทั้งคู่ขึ้น จากเดิมเตรียมขึ้นเหนือเพื่อไปพิสูจน์สมรรถนะกันที่ จ.เชียงราย
แต่จากปัญหาความบกพร่องด้านสำเหนียก และความบกพร่องด้านจิตสำนึก ของคนบางกลุ่มที่ควรต้องรับผิดชอบต่อตนเอง และคนรอบข้าง
ทำให้ความกังวลและมาตรการการเฝ้าระวังการระบาดของโควิด-19 ต้องนำกลับมาใช้อีกครั้ง
นายใหญ่ พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ออกคำสั่งเด็ดขาด ตัดสินใจพับแผนการทดสอบที่ จ.เชียงราย ทันที แม้ทุกอย่างดำเนินการไปมากกว่า 80%
เปลี่ยนมาใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ แทน
ประชาชาติธุรกิจ ไม่พลาดที่จะเข้าร่วม เพื่อไปหาคำตอบว่าทำไม ฮอนด้าจึงวางราคาจำหน่ายของเจ้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ไว้แพงกว่าซิตี้ เทอร์โบ รุ่นท็อป ไปถึง หนึ่งแสนบาท หากลูกค้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมา เพื่อแลกกับเทคโนโลยี ไฮบริด จะคุ้มค่าหรือไม่
ฮอนด้าอัพเกรดเพิ่มออปชั่น ให้ซิตี้ อี:เอชอีวี มาแบบจัดเต็ม
เรียกว่ามาครบทั้งระบบ full hybrid กับระบบขับเคลื่อน sport hybrid intelligent multi-mode drive (i-MMD) ที่ให้สมรรถนะอันทรงพลัง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มั่นใจอีกขั้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง
ส่วนดีไซน์การออกแบบภายนอกนั้น หน้าตาเหมือบกับฮอนด้า ซิตี้ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ด้วยชุดแต่งสไตล์ RS รอบคัน
เน้นความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV
ภายในห้องโดยสารยังคงเน้นความกว้างขวาง พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ภายใต้แนวคิด Ambitious Beauty เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย และความประณีตในทุกรายละเอียด
เบาะที่นั่ง หนังกลับดีไซน์สปอร์ต ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เพิ่มความรู้สึกเร้าใจ เพียงแต่การทดสอบในวันนี้ บนระยะทางหลังพวงมาลัยกว่า 200 กิโลเมตรนั้น กลับรู้สึกว่าเบาะนั่งนั้น นั่งไม่สบายเท่าที่ควร แม้จะลองขยับ ปรับองศาต่าง ๆ แต่ส่วนของเบาะนั่งที่ห้องโดยสารด้านหลัง เมื่อถามเพื่อนร่วมคัน ปรากฏว่าได้รับเสียงสะท้อนถึงเรื่องความสบายของเบาะนั่ง และการซับแรงเหวี่ยงของห้องโดยสารไว้เป็นอย่างดี
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ ตกแต่งด้วยวัสดุเน้นความพรีเมี่ยม พร้อมมาตรวัดและหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว, พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, มีแพดเดิลชิฟต์มาให้, พร้อมระบบควบคุม ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย ฮอนด้ายังได้นำปุ่มควบคุมระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก และระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนมาไว้ให้ควบคุมที่พวงมาลัย ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน
เบรกมือเป็นแบบไฟฟ้า ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส มีระบบเบรกโฮลอัตโนมัติ
เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ advanced touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI ใช้งานง่าย รวมทั้งมีระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต
เรียกว่าฮอนด้าจัดเต็ม
มาถึงขุมพลังของการขับเคลื่อน full hybrid ระบบ sport hybrid intelligent multi-mode drive (i-MMD) ที่ทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 98 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า หรือเรียกให้หรู E-CVT และแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,000 รอบต่อนาที
จากจุดสตาร์ตช่วงออกตัวถือว่าประทับใจ กดคันเร่งเบา ๆ ระบบตอบสนองทันที เครื่องยนต์ทำงานเงียบกริบ เมื่อเข้าสู่ช่วงการจราจรหนาแน่น บนเส้นทางวงแหวนตะวันออก มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมานั้น
รถค่อนข้างหนาตา แต่รถคันนี้ยังมีความคล่องตัว และปราดเปรียว ยิ่งเมื่อช่วงที่ต้องการฉีกตัวออกจากสภาพการจราจรอันวุ่นวาย พวงมาลัยสั่งงานได้ดังใจ
แถมยังมีระบบของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เข้ามาช่วยในการควบคุมรถให้อยู่ในเลน หรือบางจังหวะที่ซิกแซ็กโดยลืมเปิดไฟเลี้ยว พวงมาลัยจะขืนมือเล็กน้อย เป็นระบบเตือนเพื่อช่วยเรื่องความปลอดภัย ตรงนี้ดี แต่หากใครไม่ชอบ สามารถกดปิดได้ที่ปุ่มบริเวณพวงมาลัย เช่นเดียวกับเซ็นเซอร์กะระยะ เตือนการชนด้านหน้า
ส่วนอัตราเร่ง ขับมาปริ่มลิมิตตามกฎหมายกำหนด เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ และเสียงลมค่อนข้างดัง แต่กำลังของเครื่องยนต์สามารถวิ่งทะลุลิมิตกฎหมายไปได้อีกมากโข
ช่วงล่างฮอนด้าเซตมาค่อนข้างดี เนื่องจากรถคันนี้ยังต้องแบกรับน้ำหนักของแบตเตอรี่ไฮบริด โดยรวม ๆ แล้วช่วงล่างไม่ได้แตกต่างจากตัวซีดาน RS มากนัก อาจจะมีความนุ่มนวลมากกว่านิดหน่อย แต่ถือว่าโดยรวมมั่นใจดี
สุดท้ายต้องชมฮอนด้า ว่าทำโปรดักต์ให้ฉีกแคแร็กเตอร์ชัดเจน ใครชอบความแรง ดุดัน ให้ไปที่ ซิตี้ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ใครที่ชื่นชอบความเนี้ยบ เฉียบ ประหยัด มาที่คันนี้ ซิตี้ อี:เอชอีวี
ส่วนอีกรุ่น ซิตี้ แฮตช์แบ็ก ขอละไว้ เนื่องจากยังไม่ได้สัมผัส เมื่อมีโอกาส สัญญาว่าจะกลับมาบอกเล่าประสบการณ์ ถามว่ารถคันนี้ เมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายแพงกว่า คุ้มค่าหรือไม่ บอกได้คำเดียวว่า
ถ้ากำลังคุณไปถึง พร้อมที่จะจ่ายเงิน 839,000 บาท เพื่อให้ได้มาครบ ทั้งสมรรถนะ ความประหยัด ที่สมราคา ถือว่า ซิตี้ อี:เอชอีวี คันนี้ ตอบโจทย์ บอกเลยว่า อย่าได้ลังเล
ข้อมูลสเปค : HONDA City eHEV
ที่มา : กรุงทพธุรกิจ [3294 Views]
|