สัมผัสแรก ATTO3 รถ EV รุ่นแรกจาก BYD (บีวายดี) ที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 10 ตุลาคมนี ซึ่งตวรถน่าสนใจทีเดียว ทั้งการขับขี่ หรือว่าสเปครถโดยรวม
บีวายดี เข้ามาเปิดตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ และช่วงที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวใหญ่ๆ ทั้งการแต่งตั้งบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
จากนั้นก็คือการซื้อที่ดิน 600 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 จากดับเบิลยูเอชเอ เป็นการซื้อ-ขาย ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี เพื่อตั้งโรงงานผลิตรถในไทย หลังจากได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนกว่า 1.78 หมื่นล้านบาท จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ
ส่วนรถรุ่นแรกที่จะเปิดตัวก็ยืนยันแล้วว่า คือ ATTO3 ในวันที่ 10 ตุลาคมที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตามช่วงนี้บีวายดีนำรถเข้ามาให้ได้ลองกันพอหอมปากหอมคอก่อน แต่ยังไม่ได้ระบุสเปคต่างๆ ที่ต้องรอวันเปิดตัว แต่ก็แย้มๆ ว่าคล้ายกับที่เปิดตัวในออสเตรเลียนั่นแหละ
ซึ่งมีอยู่ 2 รุ่นย่อย คือ
Standard Range ที่ติดตั้งแบตเตอรีขนาด 49.62 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 410 กม.ตามมาตรฐาน NEDC และ 345 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
Extended Range กับแบตเตอรี 60.48 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จ 1 ครั้ง ขับได้ไกลสุด 480 กม. (NEDC) และ 420 กม. (WLTP)
มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวกัน ให้กำลังสุงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.3 วินาที ขับเคลื่อนล้อหน้า
BYD ATTO3 มีขนาดความมิติตัวถัง (ยาว x กว้าง x สูง) 4,455 x 1,875 x 1,615 มม. ความยาวฐานล้อ 2,720 มม. ความกว้างล้อหน้า:หลัง 1,575 : 1,580 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 175 มม. น้ำหนักรถ 1,680 - 1,750 กก.
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานที่ BYD ATTO3 มีมาให้สำหรับเวอร์ชั่น ออสเตรเลีย ถือว่าครบครันทีเดียว เริ่มจากภายนอก ไฟหน้าแอลอีดี ปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบหน่วงเวลาปิดไฟหน้า ไฟสำหรับขับขี่เวลากลางวันแอลอีดี ไฟท้ายฟูล แอลอีดี ไฟเลี้ยวซีเควนเชียล ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ติดตั้งยางขนาด 215/55 R18
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้งเบาะหน้า และเบาะหลัง กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ชุดมาตรวัดแบบดิจิทัล 5 นิ้ว จอมอนิเตอร์ตรงกลาง 12.8 นิ้ว ที่มีลูกเล่นเพิ่มเติมคือปรับได้จะเป็นแนวตั้ง หรือแนวนอน ตามใจชอบ
รองรับการเชื่อมต่อแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ระบบสั่งงานด้วยเสียง ช่องเชื่อมต่อยูเอสบี มีทั้ง ยูเอสบี-เอ และยูเอสบี-ซี สำหรับเบาะหน้าและเบาะหลัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และป้องกัน PM 2.5
การดีไซน์ช่องแอร์ดูแตกต่าง มีเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับมือจับเปิดประตู
ดิสค์เบรก 4 ล้อ ถุงลม 7 ตำแหน่ง ระบบเตือนการรัดเข็มขัดเบาะหลัง แจ้งเตือนลมยาง จุดยึดเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบออโต้ เบรก โฮลด์ เบรก เอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HDC) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา และยังมีเซ็นเซอร์ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง ระบบเตือนการชนด้านหนัา พร้อมระบบช่วยเบรก ระบบเตือนการชนด้านหลัง ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา เป็นต้น
การลองขับ จัดกันที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ การลองอาจไม่ได้เต็มที่นัก แต่ก็พอให้รับรู้อารมณ์ของรถได้หลายอย่าง
เรื่องของอัตราเร่ง ทดสอบแรงบิดตั้งแต่ออกตัว ใน 3 โหมดการขับขี่ คือ Eco, Normal และ Sport ความรู้สึกที่ได้แตกต่างกันบ้างไม่มากนักสำหรับ Eco และ Normal ยกเว้นโหมด Sport ที่แรงดึงเพิ่มขึ้นชัดเจน
การเซ็ทการออกตัว ATTO3 ไม่ได้ปล่อยกำลังเต็มที่ตั้งแต่กระทืบคันเร่งลงไป แต่จะมีจังหวะรอให้รถเคลื่อนตัวสัก 1-2 วินาที ก่อนที่จะส่งกำลังเต็มที่เพื่อกระชากรถให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างทันอกทันใจ เรียกว่าไม่ได้ออกตัวแบบแรงๆ แต่มีความเร้าใจตามมา
ผมว่าก็ดี เกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัย เพราะหากปล่อยให้มอเตอร์ทำงานเต็มที่ทันทีที่กดคันเร่ง แรงบิดมากๆ ที่มาเร็ว อาจมีผลต่อการทรงตัวได้ โดยเฉพาะถ้าอยู่พื้นผิวที่ไม่ดีนัก
และที่ผมชอบ เป็นจังหวะการปรับเปลี่ยนความเร็วช่วงที่กำลังข้บขี่มากกว่า ซึ่งเรียกกำลังมาได้เร็ว นั่นหมายความว่ามันจะทำงานได้ดีในการใช้งานจริงเมื่อต้องเร่งแซง หรือจังหวะที่ต้องการกำลังเป็นพิเศษ เช่น เปลี่ยนช่องทาง เข้า-ออก ระหว่างทางหลัก กับทางคู่ขนาน
การเซ็ทช่วงล่าง ซึ่งด้านหน้าเป็นแบบ แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงค์ เซ็ทมาค่อนข้างนุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี รับรู้ได้จากการลองในเส้นทางที่มีวัสดุขวางถนนสูงประมาณ 1 นิ้ว วางสลับล้อซ้ายขวาสัก 10 อัน สามารถเติมคันเร่ง รูดทับไปได้เลย
และเมื่อขับขี่ในเส้นทางอย่างเช่น เลนเชนจ์ หรือ เส้นทางที่วนเป็นเลข 8 รอบกรวยที่ตั้งเอาไว้ ก็รับรู้ได้ถึงการโยนตัวของตัวถังอยู่บ้าง แต่ที่น่าแปลกใจและทำได้ดีก็คือ การควบคุมรถที่ยังทำได้ง่าย เปลี่ยนช่องทางไปมาแบบรวดเร็ว ยังยึดเกาะถนนได้ดี การขับเป็นเลข 8 สามารถควบคุมให้รถเกาะแนบไปกับแนวกรวยที่ตั้งไว้ได้
พวงมาลัยน้ำหนักดี (ปรับได้ 2 ระดับ) มีความแม่นยำ ช่วยให้นำพารถไปในทิศทางที่ต้องการได้ง่าย และน่าจะเป็นรถที่ขับในที่แคบๆ ได้ดี เพราะรู้สึกว่าวงเลี้ยวแคบ เอาไว้รอดูข้อมูลทางเทคนิคอย่างเป็นทางการอีกที
< div align="center">
ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย ผมชอบเบาะหลังที่เบาะรองนั่งค่อนข้างยาว ช่วงรองก้น ต้นขามาใกล้ข้อพับทำให้นั่งไม่เมื่อย และมีพื้นที่วางเท้า และพื้นที่ช่วงเข่าพอควร และยังยกเบาะขึ้นมาค่อนข้างสูงทำให้เข่าไม่ต้องชันขึ้นมา
เบาะผู้ขับขี่ นุ่มมาก ต้องย้ำว่ามาก ทำให้นั่งได้สบาย เหมือนนั่งโซฟาดีๆ ตัวหนึ่ง แต่เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่า ถ้าต้องนั่งนานๆ เดินทางไกลๆ จะเป็นอย่างไร จะสบายๆ หรือ เมื่อย ต้องรอดูกันอีกที แต่สำหรับการขับในสนามนี้นั่งได้สบาย
แต่ที่สำคัญคือ การออกแบบโอบกระชับลำตัวดี ทำให้ตัวเราไม่ลื่นไหลในขณะที่รถเปลี่ยนทิศทางไปมา เป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้ผู้ขับมีสมาธิอยู่กับการขับรถ
< div align="center">
ส่วนการเล่น การควบคุมระบบต่างๆ รวมถึงหน้าจอขนาดใหญ่ กับเวลาที่มีจำกัดจึงยังไม่ได้เล่นอะไรมากนัก เอาไว้มีเวลาลองกันยาวๆ ค่อยว่ากัน
นอกจากการลองขับดูอารมณ์ของรถแล้ว ก็ยังลองใช้ระบบต่างๆ ที่มีในรถ เช่น ระบบเตือนการออกนอกเส้นทางและระบบรักษารถให้อยู่ในเส้นทาง ซึ่งก็ทำงานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ทำงานจนถึงหยุดนิ่ง และออกตัวใหม่ หากหยุดไม่เกิน 3 วินาที ก็ทำงานได้แม่นยำ
และที่โดดเด่นและมีประโยชน์ต่อาการใช้งานคือ การควบคุมความเร็วในทางโค้ง ที่ระบบจะตรวจจับรถคันหน้า แม้ว่าตัวรถจะไม่ได้อยู่หน้ารถโดยตรง แต่อยู่เฉียงไปทางด้านซ้ายหรือขวาก็ตาม
รวมถึงระบบเตือนรถมาด้านหลังเมื่อเปิดประตู (DOW) ทั้งสัญญาณไฟ และเสียงพูดเตือน แต่เท่าที่ลองเหมือนว่า การเตือนน่าจะเร็วกว่านี้ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ เรื่องพวกนี้จริงๆ แล้ว คนในรถดูเองนั่นแหละดีที่สุด
ทั้งหมดคือการลองขับสั้นๆ ในพื้นที่ปิด แต่ถ้าจะให้สรุปเบื้องต้นผมว่าการตอบสนองของมเตอร์ทำได้ดี ช่วงล่างน่าจะช่วยให้ขับได้สนุก ส่วนระยะทางที่ใช้งานได้จริง เอาไว้ลองยาวๆ แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งครับ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 03/10/2022 โดย สินธุ์ชัย ภมรพล [1323 Views]
รายละเอียด สเปครถยนต์ : 2023 BYD ATTO 3
|