เป็นไปตามที่เหล่านักบิดคาดหมาย เมื่อเน็กเก็ตไบค์ตัวธงตระกูลปีศาจแดงจากอิตาลี รุ่น มอนสเตอร์ 821 (Monster 821) เปิดตัวพร้อมทำตลาดในทวีปยุโรปเมื่อปีก่อน และแล้วก็ถึงคิวของการรุกตลาดสองล้อขนาดใหญ่ในบ้านเรากันบ้าง โดยเผยโฉมและเริ่มวางจำหน่ายในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2015 เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
จากกระแสความร้อนแรงที่ยังไม่ทันจางหาย หลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือน บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือดูคาติไทยแลนด์ เดินเกมรุกให้ผลิตภัณฑ์ล่าสุดอีกครั้งกับการจัดงาน Monster 821 Asia Premiere ซึ่งเป็นกิจกรรมทดสอบการขับขี่ครั้งแรก ในทวีปเอเชียของบิ๊กไบค์สไตล์สปอร์ตแบบไร้ชุดแฟริ่งที่ใช้เลขรหัสต่อท้ายรุ่นใหม่ว่า 821
โดยในด้านตำแหน่งการทำตลาด ค่ายดังจากแดนมักโรนีหวังใช้เป็นผลิตภัณฑ์ตัวรุกแทนที่รุ่นเดิมอย่างมอนสเตอร์ 796 เครื่องยนต์ L-Twin 2สูบ ขนาด 803 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลังสูงสุด 87 แรงม้า ที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 78 นิวตัน-เมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที สนนราคา 449,500 บาท และยังคงเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายไป ที่สิงห์นักบิดหน้า ใหม่เช่นเคย ด้วยจุดเด่นของราคาค่าตัวที่เข้าถึงได้สะดวกที่สุด (ไม่นับรวมดูคาติ สแครมเบลอร์ ซึ่งถือเป็นอีกแบรนด์หนึ่ง) เริ่มต้น 469,900 บาท สำหรับสีดำ และสีแดง 479,900 บาท (พร้อมรับแคมเปญ ฟรี ค่าบำรุงรักษา 2 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร)
อย่างไรก็ตาม การเข้ามารับหน้าที่ทำตลาดในชื่อรุ่นอันเป็นที่จดจำเสมือนเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของดูคาติตั้งแต่ปี 1993 ครั้งนี้ดูจะแผ่ขยายวงกว้างไปสู่กลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น ด้วยแนวคิดการพัฒนาให้เป็น The Premium Nakedจึงเป็นที่มาของการถอดแบบรูปร่างหน้าตาจากรุ่นใหญ่ในตระกูลเดียวกันอย่างมอนสเตอร์ 1200 พร้อมการเสริมเขี้ยวเล็บด้านสมรรถนะการขับขี่ จากขุมพลังที่ติดตั้งอยู่ในรุ่นไฮเปอร์โมตาร์ดและไฮเปอร์สตราด้า นั่นคือ Testastretta 11? L-Twin 2สูบ ขนาด 821 ซีซี. 4 วาล์ว/สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด
ขณะที่ความต่างของเครื่องยนต์จากเจนเนอเรชั่นแรกมาถึงลำดับที่สองบล็อกนี้ได้รับการปรับจูนพละกำลังให้มีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า(เดิม 110 แรงม้า) ที่ 9,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 89.4 นิวตัน-เมตร ที่ 7,750 รอบต่อนาที
นอกจากนี้ยังมาพร้อมลูกเล่นที่เป็นตัวช่วยการขับขี่ให้เลือกใช้ 3 โหมด ซึ่งสามารถเลือกเปลี่ยนได้ทั้งในขณะล้อหมุนหรือ จอดหยุดนิ่ง แบ่งเป็นแบบสปอร์ต ทัวริ่ง และในเมือง (sport, touring และ urban) โดยมีรายละเอียดแตกต่างกัน ตรงที่การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-Wire และการปลดปล่อยพลังความแรงจากเครื่องยนต์ รวมถึงระดับค่าของระบบ DTC และ ABS ที่เซตไว้ตามลักษณะการใช้งานในแต่ละโหมด
สำหรับการทดสอบขับขี่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่จาก อ.พร้าว สู่ อ.เชียงดาว ใช้ระยะทางรวมประมาณ 230 กิโลเมตร ผู้เขียนเลือกใช้โหมดทัวริ่งเป็นส่วนใหญ่ ด้วยสภาพเส้นทางทั้งทางตรงยาวและคดโค้งขึ้นสลับลงแบบต่อเนื่อง ลองใช้โหมดในเมืองก็รู้สึกไม่ทันใจช่วงทางตรง หากเป็นทางโค้งการใช้โหมดขับขี่แบบสปอร์ตก็คิดว่าคงอันตรายเกินไป เพราะยังไม่คุ้นเคยเกรงว่าควบคุมไม่ชำนาญอาจทำให้ความสนุกจากการขับขี่จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นความเครียดเสียมากกว่า
ด้านท่านั่งเมื่อเทียบกับรุ่น 796 ให้สัมผัสที่สบายกว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากตำแหน่งแฮนด์บังคับสูงขึ้น และขยับเข้าหาผู้ขับขี่มากกว่าเดิมทั้งสองทางในระยะ 40 มิลลิเมตร ตลอดจนช่วงเอวที่คอดกิ่วของปีศาจแดงสัญชาติอิตาเลียน ส่งผลให้หัวเข่าสามารถโอบรัดได้กระชับกับตัวรถ ขณะที่ความสูงเบาะสามารถเลือกได้ระหว่าง 785 หรือ 810 มิลลิเมตร โดยผู้เขียนสูง 170 เซนติเมตร เลือกปรับอย่างแรกและพบว่าสามารถเหยียดขายันพื้นได้ทั้งสองข้าง
ขณะเดียวกันฐานล้อที่ยาวขึ้น 30 มิลลิเมตร ขณะขับขี่รู้สึกถึงความมั่นคงและตัวรถมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้ในช่วงกระแทกคันเร่งแรงๆ ก็ไม่ต้องกังวลกับอาการล้อหน้าลอย ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากระบบ DTC ที่คอยควบคุมช่วยดูแลความปลอดภัยไว้ด้วย
ทั้งนี้ตลอดทั้งทริปใช้ความเร็วยืนพื้นระหว่าง 70-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้านอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง หน้าจอแสดงผลวัดค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือตีเป็นตัวเลขกลมๆ ประมาณ 20 กิโลเมตร/ลิตร
หากให้เปรียบเทียบมอนสเตอร์โมเดลใหม่กับโฉมเก่าที่มีเลขต่อท้ายต่างกันไม่มาก และมีราคาห่างกันเพียงประมาณ 20,000 บาท แต่ทุกรายละเอียดปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งหน้าตาและสมรรถนะการขับขี่ บอกลารุ่นที่ทำตลาด ก่อนหน้าไปได้เลย อย่างไรก็ตามมีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่เช่นเดิม คือ ไอความร้อนจากเครื่องยนต์และท่อไอเสีย แม้จะมีการ์ดเป็นฉนวนมากั้นแล้วตาม ทว่ายังรู้สึกได้อย่างชัดเจน
คงไม่ผิดถ้าจะสรุปว่า ได้ใหม่ลืมเก่า แต่ร้อนเหมือนเดิม!
ความคิดเห็นจากผู้ร่วมทริป Monster 821 Asia Premiere
เบิร์ด-แสน บุญเชยศักดิ์ บรรณาธิการ นิตยสารฟาสไบค์ ไทยแลนด์
มอนสเตอร์ 821 เป็นมอนสเตอร์รุ่นใหม่ที่เพิ่มซีซี.ขึ้นไป ถือว่าสมบูรณ์แบบทีเดียว ทุกอย่างดีมาก ที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนระบบระบายความร้อนด้วยอากาศมาเป็นระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งระบบนี้ดีที่สุดในระบบหล่อเย็นทั้งหมด สังเกตุจากรถระดับไฮเอนด์ทั้งหลาย กระทั่งรถแข่งโมโตจีพี(MotoGP) ก็ตามก็ใช้ระบบนี้ด้วย และจากข้อดีของระบบนี้เองที่ส่งผลให้กำลังเครื่องยนต์แสดงประสิทธิภาพตามการขับขี่ในแต่ละโหมดได้อย่างมีความเสถียร
ส่วนเอกลักษณ์ของตัวรถกับการใช้เฟรมท่อ Tubular เป็นเหมือนตัวแทนยี่ห้อของดูคาติที่ยังคงสืบทอดอยู่ในตระกูลมอนสเตอร์ ข้อนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สมควรคงไว้ และที่ประทับใจอีกอย่างคือการออกแบบที่ลงตัว ด้วยการเลือกใช้ฐานล้อยาวขึ้น สอดคล้องกับพละกำลังที่ส่งออกมาอย่างรวดเร็วทันใจจากคันเร่งไฟฟ้า ซึ่งทำให้ตัวรถมีความสมดุลหรือมีบาลานซ์ที่ให้ความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่มากขึ้น
สุดท้ายเมื่อเทียบกับ 795 หรือ 796 ก็ตาม เจ้าของที่มีรถรุ่นนี้อยู่ก็ไม่ต้องเสียใจ สามารถขยับมาเล่น 821 ต่อได้ เพราะสองรุ่นแรกเหมือนทางดูคาติปูพื้นฐานการขี่บิ๊กไบค์สเตปแรกไว้ก่อนแล้ว
จิน-คณัณสินี คงมะกล่ำ ไบค์เกอร์สาวผู้มาร่วมทริปทดสอบ
ปกติจินใช้ 899 พานิกาเล่ ในชีวิตประจำวัน สำหรับในทริปนี้ทางดูคาติไทยแลนด์ให้โอกาสมาร่วมทดสอบมอนสเตอร์ 821 ก็รู้สึกประทับใจ และขอบคุณทางดูคาติไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ ส่วนหลังจากการขับขี่ก็โอเคค่ะ นั่งสบาย ขี่ง่าย บิดแล้วมาแรงทันใจดี ที่สำคัญไม่เมื่อยและก้มมากเพราะระยะแฮนด์ขยับมาใกล้ตัวมากขึ้น โดยรวมแล้วผู้หญิงที่กำลังมองหาบิ๊กไบค์คันแรกน่าจะเลือกคันนี้ได้เลย ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี คันนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว อีกอย่างเบาะก็ปรับให้สูงต่ำได้ด้วย จินสูง 164 เซนติเมตร ลองขี่ปรับแบบเตี้ย(785 มิลลิเมตร) การวางขาทำได้เกือบเต็มเท้า
สำหรับการใช้งานนอกเมือง มอนสเตอร์ 821 ไม่ค่อยร้อนเท่าไร ส่วนในเมืองก็ร้อนพอสมควร ตรงนี้คิดว่ารถดูคาติใช้ในเมืองก็ร้อนเป็นปกติอยู่แล้ว ส่วนสิ่งที่ชอบที่สุด คือ คันเร่งไฟฟ้ารวดเร็วทันใจ เป๊ะมาก ตอบสนองการขี่ของเราได้ดี ที่สำคัญมีโหมดให้เลือกใช้ด้วย แต่เอาจริงๆ ความรู้สึกหนู เวลาขี่ก็บิดๆ อย่างเดียว แทบไม่เห็นความต่าง คงเพราะยังมือใหม่และวันนี้ขี่ตามกันเป็นขบวน เจอทางโค้งเราก็มุ่งสมาธิไปขี่เส้นทางมากกว่า
สรุปความโดดเด่นด้านการขี่และความสบาย จินชอบมอนสเตอร์ 821 มากกว่า 899 พานิกาเล่ ที่ใช้อยู่นะคะ แต่อาจจะเป็นรองด้านความหล่อ เพราะมอนสเตอร์ 821 รู้สึกด้านหน้าทู่ไปหน่อย เหมือนคนหน้าหัก แต่ดูโดยรวมก็หล่อในสไตล์เน็กเก็ตไบค์ค่ะ
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ [10977 Views]
|