ถึงคราวต้องขยับเติมความสดใหม่เสียที สำหรับฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ (CBR150R) สปอร์ตทัวริ่งไซส์เล็กจากค่ายปีนกที่เคยตีกินยอดขายกลุ่มตลาดรถสปอร์ตพิกัด 150 ซีซี. ในบ้านเรามานานกว่า 10 ปี
โดยถือเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นเดียวที่ยึดครองตำแหน่งเจ้าตลาดได้อย่างเหนียวแน่น หลังจากสิ้นสุดยุคทองของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ นับตั้งแต่โฉมคาร์บูเรเตอร์โมเดลแรกปี 2545 (ค.ศ.2002) จนมาถึงรุ่นพัฒนาระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดในปี 2553 (ค.ศ.2010)เรื่อยมาถึงปัจจุบัน
ไม่ใช่เพราะโดดเด่นจนฆ่าคู่แข่งตายเรียบ เพียงแต่ไม่มีตัวเลือกอื่นให้เปรียบเทียบมากกว่า
อย่างไรก็ตาม บัดนี้การทำตลาดไม่หมูเสียแล้ว เมื่อหันมองรอบกายทั้งยี่ห้อสัญชาติเดียวกัน แบรนด์ไทย ค่ายจีน ต่างส่งโมเดลใหม่เติมเกมรุกเพื่อชิงส่วนแบ่งในกลุ่มรถประเภทนี้กันอย่างถ้วนหน้า ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งค่ายปีนกเองหากไม่อยากเป็นอดีตเบอร์หนึ่งเจ้าตลาด ดูท่าคงจะนิ่งนอนใจอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ และล่าสุดถึงขั้นต้องปลุกตำนานขึ้นมาช่วยสู้เลยทีเดียว
อย่าเพิ่งตกใจไป ปลุกตำนานที่ว่าไม่ใช่การเล่นคุณไสยหรือร่ายมนต์คาถาใดๆ แค่การปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์เล็กๆ ด้วยการดึงเอาเอกลักษณ์จากลวดลายของรถธงตัวเก่งรุ่นซีบีอาร์ 1000 เอฟ (CBR1000F) โมเดลรุ่นใหญ่ที่เคยโด่งดังในทศวรรษที่ 80-90 กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง หวังเจาะความต้องการนักบิดผู้ชื่นชอบความคลาสสิกแบบฉบับต้นตำรับนั่นเอง
สำหรับซีบีอาร์ 150 อาร์ โฉมสปอร์ตทัวริ่งรุ่นคุณปู่ ราคา 80,100 บาท มากับสโลแกน It's Legend Spirit หรือสปิริตความเร้าใจระดับตำนานที่ไม่มีวันตาย ด้านจุดเด่นรูปลักษณ์เน้นโทนสีขาวสะอาดตา เฟรม สวิงอาร์มและล้อก็เช่นเดียวกัน ขณะที่แฟริ่งด้านข้างคาดแถบลายเส้นสีน้ำเงินเรียบง่าย(มีสีแดงให้เลือกด้วย) แต่สวยงามลงตัว ส่วนองค์ประกอบอื่นอย่างพวกอุปกรณ์ติดรถต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ด้านสมรรถนะการขับขี่ จากที่ได้ทดสอบในศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ย่านสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็พอรับรู้บุคลิกได้ในระดับหนึ่ง
เริ่มแรกว่ากันที่ท่านั่ง เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่กำลังมาแรงอย่าง ยามาฮ่า อาร์ 15 (Yamaha YZF - R15) ตัวเลือกค่ายส้อมเสียงจะได้เปรียบหากวัดกันที่เอกลักษณ์ของความเป็นรถสปอร์ต ด้วยองศาลำตัวผู้ขี่จะโน้มต่ำเข้าหาถังน้ำมัน ด้านท้ายยกสูง ซึ่งรู้สึกได้ถึงความกระชับเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถได้มากกว่า
ขณะที่ฝั่งตำนานผิวขาวเบาะต่ำท่านั่งสบาย ระยะแฮนด์บังคับไม่ต่ำหรือสูงจนเกินไป ตำแหน่งการวางพักเท้าอยู่ในแนวเดียวกับลำตัวผู้ขับขี่ การใช้หัวเข่าโอบรัดหรือหนีบตัวรถทำได้ถนัดกระชับดี จะมีติดขัดนิดหน่อยก็ตรงปลายท่อไอเสียด้านขวาที่จะเสยเงยขึ้นมาติดบริเวณส้นเท้าเล็กน้อย
ว่ากันต่อในส่วนของการควบคุมรถทำได้อย่างคล่องตัว พลิกเลี้ยวง่าย การเบรกด้วยความเร็วไม่มากนัก กระทั่งแบบกระทันหันก็ไว้ใจได้ ขณะเดียวกันระบบช่วงล่างและยางทำหน้าที่ยึดเกาะถนนได้มั่นคง ส่งผลให้จังหวะพับรถบางครั้งพักเท้าสัมผัสพื้นโดยไม่รู้ตัว (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผิวสนามทดสอบที่ศูนย์ขับขี่ฯ มีสภาพการใช้งานที่ดีด้วย)
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 149.4 ซีซี. สูบเดียว DOHC 4 วาล์ว ใช้ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด (ดูภาพข้อมูลเทคนิคประกอบ) อัตราเร่งมาตามแรงบิดที่ข้อมือ ไม่จัดจ้านรุนแรง ผลลัพธ์ที่ได้มีความนุ่มนวลเหมาะสมกับขนาดเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับการส่งกำลังจากเกียร์ไหลลื่นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ว่ากันตามจริงแม้จะเป็นพื้นฐานบล็อกเดียวกับที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ในด้านสมรรถนะโดยรวมก็ยังถือว่าไม่ตกยุค หรือถึงขั้นเหนือกว่าคู่แข่งตัวเลือกอื่นในตลาดด้วยซ้ำ ซึ่งจุดเด่นนี้เองที่ทำให้ค่ายปีกนกกล้ามั่นใจว่า การปรับเปลี่ยนลวดลายภายนอกยังสามารถยืดอายุโมเดลสายรหัสนี้ไปต่อได้
สรุปให้เข้าใจง่าย หากมองกันที่หน้าตายึดตามสมัยนิยม อาจสู้คู่แข่งไม่ไหว ดังนั้น ฮอนด้าจึงพยายามสร้างสีสันเรื่องราวของภาพจดจำในอดีต มาจับกลุ่มลูกค้าที่เคยรับรู้หรือมีความทรงจำที่ดีร่วมกันอีกครั้ง เรียกว่าโดนใจนักบิดรุ่นก่อนอย่างแรง
เพียงแต่กลุ่มผู้บริโภคหน้าใหม่จะอินกับสตอรี่ที่เป็นตำนานแบบนี้หรือเปล่า
หรืออาจจะคิดว่า ก็แค่ลายใหม่ธรรมดาเท่านั้นเอง!
ที่มา : MGR Online
|