นอกจากปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความสดใหม่ทันสมัยแล้ว ไทรอัมพ์ (Triumph) ค่ายสองล้อยี่ห้อดังสัญชาติอังกฤษ ยังเปลี่ยนโฉมผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคลาสสิกไบค์ใหม่หมดยกแผง พร้อมเติมเต็มเทคโนโลยีและเสริมสมรรถนะการควบคุม ช่วยปลุกความสดชื่นกระตุ้นความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ไม่แพ้กลุ่มรถสปอร์ตเลยทีเดียว
และเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าว ไทรอัมพ์ ประเทศไทย จึงจัดกิจกรรมทดสอบสองโมเดลรุ่นใหญ่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ บอนเนวิลล์ ที120(Bonneville T120) ราคา 540,000 บาท และทรักซ์ตัน อาร์ (Thruxton R) ราคา 610,000 บาท ภายใต้รูปแบบทริปท่องเที่ยว ขับขี่เป็นขบวนคาราวาน เส้นทางเชียงใหม่-ปาย ไปกลับรวมระยะทางกว่า 240 กิโลเมตร
เริ่มต้นการเดินทางวันแรกด้วยคลาสสิกตัวพ่อ บอนเนวิลล์ ที120 รูปร่างหน้าตาถ้ามองผ่านๆ มีความคล้ายคลึงกับรุ่นน้องอย่างสตรีททวิน(Street Twin) อยู่ไม่น้อย จากสไตล์โดยรวมที่เน้นหล่อแบบย้อนยุค ร่วมสมัยและไม่ตกเทรนด์
จุดเด่นเช่นเดิมกับเอกลักษณ์ไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ เข้าคู่กับกรอบไฟชุบโคมเมียมเงาวับ (ตัวเลือกสีดำกรอบไฟดำทั้งชุด) ขนาบข้างด้วยไฟเลี้ยวปลายมนทรงเดียวกันทั้งสองด้าน
โดยสิ่งแตกต่างภายนอกที่เห็นชัด คือ การตอกย้ำความเป็นวินเทจแบบดั้งเดิม ด้วยการใช้ล้อซี่ลวดแทนที่ล้อแม็ก ส่วนภายในมีการเสริมโหมดการขับขี่เพิ่มเข้ามา สำหรับโหมด Road และ Rain พร้อมหน้าจอแสดงสถานะต่างๆ แยกเป็นกรอบทรงกลมสองดวง ซึ่งภายในบอกรายละเอียดครบถ้วน ตั้งแต่ความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ตำแหน่งเกียร์ ระยะทาง ระดับเชื้อเพลิง ค่าเฉลี่ยอัตราบริโภคน้ำมัน และนาฬิกา
สำหรับการขับขี่ ท่านั่งยังคงตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบาย แฮนด์บังคับกว้างขยับโน้มหาลำตัว ส่งผลให้การควบคุมไม่ต้องเหยียดแขนหรือหัวไหล่ รวมทั้งส่วนหลังตั้งตรงไม่รู้สึกเมื่อยล้า
ขณะเดียวกัน ขุมพลังเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง SOHC 8 วาล์ว ปริมาตรความจุ 1,200 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 80 แรงม้าที่ 6,550 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 105 นิวตัน-เมตร ที่ 3,100 รอบต่อนาที เมื่อประสานการทำงานกับคันเร่งไฟฟ้า ให้การตอบสนองที่ดุดันเร้าใจ อัตราเร่งทำได้ดี แรงบิดมาไวตั้งแต่รอบต่ำ ซึ่งนี่คือคุณสมบัติอันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงที่เราสัมผัสได้ ระหว่างโมเดลก่อนและหลังปรับโฉม ยังไม่นับรวมระบบช่วยเหลือ ที่สำคัญ ติดตั้งมาให้จากโรงงานอย่างเบรก ABS และ Traction Control ที่สามารถเลือกเปิด-ปิดการทำงานได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในด้านการควบคุม โดยเฉพาะการบังคับเลี้ยว บอกเลยถ้าขี่แบบทื่อๆ ซึมๆ ไม่ออกแอ๊คติ้งท่าทาง คุณจะเข้าไม่ถึงบุคลิกที่แท้จริงของตัวรถ หรืออีกมุมหนึ่ง เหมือนจะเลี้ยวไม่เข้าด้วยซ้ำ รวมถึงการขับขี่จะไม่มีอรรถรสใดๆ ให้ประทับใจเลย
ทว่าในทางตรงกันข้าม หากคุณออกท่าทางการขับขี่ได้อย่างถูกต้องและย้ำว่าถูกวิธีด้วย ในความเร็วต่ำใช้การขยับลำตัว แบบลีนเอ้าท์ ความเร็วกลางลีนวิท และความเร็วสูงลีนอิน
คราวนี้จะรู้สึกได้เลยว่า แม้รูปลักษณ์จะเป็นคลาสสิก แต่ใครจะคาดคิดว่าสามารถตอบสนองความสนุกได้ในระดับหนึ่งทีเดียว และเหตุนี้เองจึงน่าจะเป็นที่มาของการเติมการ์ดที่ข้างถังน้ำมัน เพื่อสร้างจุดยึดเกาะให้กับหัวเข่าของผู้ขับขี่ในขณะเข้าโค้ง
เมื่อเข้าสู่การเดินทางวันที่สอง ผู้ร่วมทดสอบจึงได้เวลาเปลี่ยนมาลองสไตล์รถแข่งแบบคาเฟ่เรซเซอร์บ้าง สำหรับทรักซ์ตัน อาร์ ที่ใช้พื้นฐานเฟรมและเครื่องยนต์เดียวกับบอนเนวิลล์ ที120 แต่มีการอัพเกรดเพิ่มโหมดขับขี่แบบสปอร์ต พร้อมปรับจูนขุมพลัง ให้มีความจัดจ้านมากขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 97 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตร ที่ 4,950 รอบต่อนาที รวมถึงติดตั้งระบบช่วงล่าง เบรก และยางที่เหนือกว่า ตลอดจนเลือกใช้ขอบล้อขนาด 17 นิ้ว ทั้งหน้าและหลัง (ที120 หน้า 18 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว)
ขณะที่ตำแหน่งท่านั่งก็ปรับเปลี่ยนเช่นกัน จากแฮนด์ยกสูงมาเป็นแฮนด์จับโช้ก ส่งผลให้การควบคุมมีความคล่องตัว ให้ความกระชับกับตัวรถมากขึ้น และสิ่งที่เพิ่มเติมอีกอย่าง คือ การวางเท้าต้องขยับเลื่อนไปด้านหลังมากกว่าเดิม ซึ่งจุดนี้ทำให้ลำตัวผู้ขับขี่ต้องโน้มไปด้านหน้าโดยอัตโนมัติ หรือหากสรุปในภาพรวม ทรักซ์ตัน อาร์ จะให้สัมผัสท่านั่งที่มีความเป็นสปอร์ตมากกว่านั่นเอง
สำหรับความแรงเร้าใจต้องบอกว่าคนละเรื่องกันเลย ด้วยการปรับเซตของไทรอัมพ์ที่ต้องการสร้างความแตกต่าง ยิ่งใช้โหมดสปอร์ตก็ยิ่งรู้สึกได้ชัด ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักตัวรถที่ลดลงประมาณ 20 กิโลกรัมด้วย อีกทั้งการควบคุมก็ดูจะสอดคล้องลงตัวกว่า เมื่อเทียบกับที120 ขณะเข้าโค้งช่วงล่างยังมีอาการอยู่บ้าง ซึ่งตัวเลือกนั้นก็ได้เปรียบเรื่องความนุ่มนวล มีความสบายมากกว่า
ส่วนตัวเลือกสไตล์คาเฟ่เรซเซอร์ แม้จะลดทอนส่วนนั้นไป แต่จะได้ความมั่นใจเรื่องการยึดเกาะถนน และผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะเพิ่มความสนุกขณะขับขี่ ทำให้กล้าเติมคันเร่งเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโมเดลมีจุดร่วมเหมือนกันตรงที่ การขับขี่จะไม่ออกรสใดๆ หากคุณไม่จัดท่าทางให้เหมาะสม หรือว่ากันง่ายๆ ก็คล้ายวิธีปลุกพลังหนุ่ม กระตุ้นความสดชื่นแกมบังคับแบบทางอ้อม ให้คุณต้องมีความพร้อม และตื่นตัวตลอดเวลาขณะขึ้นคร่อมอยู่บนคลาสสิกไบค์สองรุ่นนี้
ตีโจทย์ให้แตกว่าซื้อไปแล้วใช้แบบไหน เบื้องต้นถ้าชอบโค้งสวยๆ ถนนดีๆ ทรักซ์ตัน อาร์ น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่ ส่วนขี่ชิลชิล ชอบทางตรงยาวๆ เจอทางขรุขระบ้าง บอนเนวิลล์ ที120 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบสนองได้ดีกว่า
ที่มา : MGR Online
|