เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่น่าจับตามองเลยทีเดียวในเวลานี้ สำหรับ นิสสัน จู๊ครถสปอร์ตครอสโอเวอร์ เซ็กเมนต์ใหม่ในตลาดประเทศไทย ที่ได้เปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมการกวาด ยอดขายสูงสุดอันดับ1 ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 30 (มอเตอร์เอ็กซ์โป) ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
การลองขับครั้งนี้จึงเกิดขึ้นบนเส้นทางกรุงเทพฯ-ราชบุรี ระยะทางรวมกว่า 300 กม. ในสภาพเส้นทางที่ ผสมผสานทั้งแบบถนนทางหลวง (ไฮเวย์) และเส้นทางชนบท ด้วยรูปแบบสภาพการจราจรที่หลากหลาย อาทิ ทางคดโค้งขึ้นลงเขา ทางตรงยาว สภาพการจราจรจริงในเมือง ซึ่งคันที่ โพสต์ทูเดย์ ได้ลองขับเป็นรุ่นท็อป (1.6V) ที่ต่างกันเล็กๆ น้อยๆ จากรุ่นปกติที่ภายในสีแดง|ทูโทน เซ็นเซอร์ถอยหลัง ที่พักแขน เบาะหนัง
ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาภายนอกที่ละม้ายคล้าย กบ เข้าข่ายความประหลาด แต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เหนือจินตนาการ ฉีกทุกกฎเกณฑ์ด้านการออกแบบ ให้อารมณ์ความดุดัน ภายใต้แนวคิดการพัฒนา Born to Excite ที่ไล่เรียงตั้งแต่ไฟหน้าและไฟเลี้ยวแบบแยกส่วนออกจากกัน สอดคล้องกับกระจังหน้าและกันชนหน้ายกสูง
ตลอดจนเส้นสายรอบคันแบบเรียบหรูจรดไฟท้าย ดีไซน์โฉบเฉี่ยวรับกับสปอยเลอร์หลัง แต่แฝงการดีไซน์ สไตล์สปอร์ตด้วยโป่งซุ้มล้อหน้าและหลัง พร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 215/55/R17 อีกทั้งยังซ่อนมือเปิด ประตูหลังไว้บริเวณกระจกหลัง.ได้อารมณ์สปอร์ตเต็มๆ
ขณะที่ภายในอัดแน่นเต็มอารมณ์ความสปอร์ตที่สัมผัสได้ตั้งแต่เปิดประตู ด้วยเบาะหนังเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง ลักษณะเป็นแบบเบาะโอบกระชับ (บัตเก็ตซีด) รองรับสรีระนั่งสบาย ส่วนคอนโซลกลางที่พัฒนา ให้เกียร์มีความสูง ในระดับพอ
เหมาะ ซึ่งภายในห้องโดยสารให้สีสันด้วยสีดำสลับสีแดง ตกแต่งด้วยขอบโครเมียม รวมทั้งหน้าจอ มาตรวัดดีไซน์โดดเด่น และศูนย์รวมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่คอนโซลหน้า ออกแบบเก๋พร้อม พวงมาลัย แบบมัลติฟังก์ชั่น
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกรับรู้ได้เมื่อขึ้นนั่งภายในห้องโดยสารที่อาจดูอึดอัดไปสักนิดสำหรับคนที่มีความสูง 185 ซม. อย่างผม แต่เข้าใจได้ว่าด้วยความสปอร์ตด้านการออกแบบให้หลังคาลาดลงตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการอัดแน่นด้วยการดีไซน์สปอร์ตจึงลดทอนพื้นที่ไปบ้างบางส่วน
ไฮไลต์อยู่ตรงนี้ ... กับ 2 เทคโนโลยี I-Connect (Internet Connectivity Entertainment System) ที่ตอบสนองทุกความบันเทิงด้วยหนัาจอสัมผัสขนาดพกพาขนาด 7 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการแบบแอนดรอยด์ ที่สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi บลูทูธ ช่องเชื่อมต่อ iPod, USB, Micro SD Card, AUX สามารถถอดออกมา เป็นเสมือนแท็บเล็ต และใช้คำสั่งโดยใช้นิ้วสัมผัสลงบนหน้าจอคล้ายๆ กับ iPad โดยเมื่อนำกลับมา ใส่เข้าที่เดิมก็ ทำหน้าที่ได้ตามปกติ
ส่วนอีกเทคโนโลยีหนึ่งคือ I-Con (Integrated-Control System) ที่สามารถควบคุมระบบปรับอากาศภายในรถ (Climate Mode) พร้อมปรับโหมดควบคุมการขับขี่ (Drive Mode) ได้ในจุดเดียวเพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งมาพร้อมหน้าจอดีไซน์โมเดิร์น ระบบแสดงผลแบบ Dual Layer LED แค่กดเปลี่ยนฟังก์ชั่นการทำงาน ก็สามารถสั่งการได้อย่างง่ายดาย ประหยัดพื้นที่และง่ายต่อการใช้งานมากๆ
ด้านสมรรถนะการขับขี่ เจ้ากบจู๊คคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Twin C-VTC และระบบหัวฉีดคู่ (Dual Injector System) ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์แปรผันอัจฉริยะ Xtronic CVT ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าและหลัง
สรุปคือ การตอบสนองของเครื่องยนต์และเกียร์อยู่ในระดับค่อนข้างดีทุกย่านความเร็ว แม้ในช่วงจังหวะ ความเร็วสูงเสียงเครื่องยนต์ที่ลอดเข้ามาภายในห้องโดยสารอาจจะฟังดูเครียดไปสักนิด แต่หายห่วงสบายใจได้ ไม่ว่าจะจังหวะออกตัว ช่วงความเร็วต่ำ จังหวะเร่งแซง พร้อมกันนี้ยังมีโหมดการขับขี่มาให้เลือก 3 รูปแบบ คือ โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่ แบบประหยัด (Eco Mode) ให้ได้เลือกตามต้องการอีกด้วย
อีกทั้งช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ต ให้ความคล่องตัวสูง กระชับ กระฉับกระเฉง ด้วยการออกแบบให้ฐานล้อมีความกว้างเวลาเข้าโค้งแบบเต็มๆ หรือจะมุดซ้ายป่ายขวาให้ความมั่นใจสูง และเมื่อผสานการทำงานของพวงมาลัยที่แม่นยำและปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วของรถ ทำให้ได้รับรู้ความเป็น สปอร์ตได้เต็มอารมณ์ ซึ่ง นิสสัน จู๊ค วางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่น คือ 1.6E และ 1.6V ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 8.19-8.58 แสนบาท
ใครที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดที่ขับในเมืองก็ได้จะลุยก็ดี พร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ อีกทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ และเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะสักคันแล้วละก็ นิสสัน จู๊ค น่าจะเป็นคำตอบ ที่ตอบโจทย์ได้ดีคันหนึ่งเลยทีเดียว
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ [11150 Views]
|