• หน้าแรก
  • รุ่นรถยนต์/อีวี
  • รุ่นจักรยานยนต์
  • รุ่นรถแทรกเตอร์
  • รถเกี่ยวข้าว/Smart Farm
  • เครื่องยนต์อเนกประสงค์
  • ค้นหาผู้จำหน่าย
  • กระดานซื้อขาย/MotorShow
  • ข่าวเด่นรถยนต์Œ/รีวิวรถยนต์
  • ติดต่อโฆษณา

รอบรู้รถยนต์-รถอีวี ลำดับ : 204328

รอบรู้รถยนต์ | รอบรู้จักรยานยนต์ | รีวิวรถยนต์ | รีวิวรถกระบะ | รีวิวจักรยานยนต์

ข่าวรถยนต์-รถอีวี | ข่าวรถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ | ข่าวรถแทรกเตอร์-เกษตรอัจฉริยะ



รถยนต์ค้างสต็อกหรือไม่ดูตรงไหน





สำหรับหลายๆ คนที่มีประสบการณ์การใช้รถมานานพอสมควร เมื่อจะซื้อรถใหม่สักคัน รถเก่าค้างสต็อก ( รถค้างสต็อก ) หรือรถที่เพิ่งตกรุ่นไปอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสามารถต่อรองส่วนลดได้มากเนื่องจาก บรรดาดีลเลอร์ต่าง ก็อย่างขายรถที่จอดค้างอยู่หรือรถตกรุ่นออกไปทั้งนั้น แต่สำหรับคนที่ซื้อรถคันแรกรวมทั้ง ผู้ซื้อรถจำนวนมาก เมื่อจะซื้อรถสักคันก็อยากได้ของที่สดใหม่ ประเภทที่เรียกว่าเพิ่งออกมาจากโรงงาน ไม่กี่วันก่อนรับรถยิ่งดี จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าจะรู้ได้อย่างไรว่ารถที่กำลังจะรับนั้นเป็นรถใหม่ หรือถึงจะไม่ใช่รถที่เพิ่งออกมาจาก โรงงานใหม่ๆ แต่ก็ไม่ใช่รถค้างสต็อกที่จอดรอผู้ซื้ออยู่ที่ดีลเลอร์มานานข้ามปี

เพื่อความสบายใจของผู้ซื้อว่าได้รถที่ใหม่จริงๆ ไม่ใช่รถค้างสต็อกมีหลายจุดที่ผู้ซื้อรถสามารถดู เพื่อที่จะรู้หรือประเมินช่วงเวลาการผลิตคันที่ได้รับได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อรถควรดูก่อนที่จะเริ่มตรวจเช็กเรื่องอื่นๆ ตามคำแนะนำเมื่อจะรับรถใหม่

ดูโฉมของรถ

เป็นปกติที่เมื่อผลิตรถรุ่นหนึ่งออกมา ผู้ผลิตรถยนต์มักจะมีการปรับโฉมหลายครั้งก่อนการเปลี่ยนโฉมใหม่ ซึ่งบางครั้งเป็นการปรับโฉมเล็กๆ โดยมีการเปลี่ยนแปลงแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างบริเวณกันชนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้าหรือเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไป ซึ่งการเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้บางครั้งผู้ที่ไม่ได้ติดตามเรื่อง รถยนต์อาจไม่รู้ถ้าไม่สังเกตให้ดี ดังนั้นเมื่อซื้อรถจึงควรดูว่ารถรุ่นปีที่ซื้อมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง และเมื่อรับรถก็ควรดูว่ารถที่ได้มีรูปลักษณ์ตรงกับรุ่นปีที่ซื้อ เพื่อป้องกันการได้รถรุ่นปีเก่ากว่า ซึ่งอาจเป็นรุ่นก่อน ปรับโฉม อย่างในกรณีที่มีข่าวเมื่อปีที่แล้วว่าดีลเลอร์ขายรถเอสยูวีรุ่นเก่ากว่าปีที่ซื้อถึง 4 ปีให้ลูกค้า

เพลตรถ

ตามปกติเพลตรถจะเป็นจุดที่บอกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับรถคันนั้นซึ่งรวมไปถึงช่วงเวลาที่รถผลิตด้วย โดยเพลตรถจะมีอยู่สองที่คือในบริเวณห้องเครื่องหรือข้างประตูรถ ซึ่งบางผู้ผลิตรถยนต์จะมีการระบุเดือนและปีที่ผลิตรถเอาไว้อย่างชัดเจน แต่ก็มีอีกหลายผู้ผลิตที่ไม่ระบุไว้ แต่จะดูได้จากรหัสตัวถังหรือ VIN Code 17 หลักของรถ ซึ่งตัวหนังสือหรือตัวเลขหลักที่ 10 จะเป็นสิ่งระบุถึงปีที่ผลิตรถยนต์ สำหรับรหัสหลักที่ 10 ในรหัสตัวถังจะเริ่มใช้ตั้งแต่ตัว A แทนปี 1980 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มใช้รหัสตัวถัง 17 หลัก แล้วไล่มาจนถึงตัว Y แทนปี 2000 จากนั้นจึงใช้เลข 1 แทนปี 2001 จนถึงเลข 9 แทนที่ 2009 แล้วจึงกลับไปใช้ตัว A อีกครั้งกับรถที่ผลิตปี 2010 แล้วไล่ตัวอักษรมาเรื่อยๆ จนถึงปีปัจจุบัน ซึ่งหากซื้อรถใหม่ที่ผลิตในปี 2020 ตัวอักษรหลักที่ 10 จะเป็น K หรืออาจเป็นตัว L หากไม่มีการใช้ตัว I อย่างไรก็ตามสิ่งที่บอกในเลขตัวถังเป็นเพียงแค่ปีที่ผลิตเท่านั้น หากอยากรู้ช่วงเวลาที่ผลิตของปีคงต้องดูเวลา ที่ผลิตส่วนอื่นๆ ของรถประกอบด้วย

เข็มขัดนิรภัย

เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์จะมีแผ่นป้ายสีขาวที่ระบุรายละเอียดของเข็มขัดนิรภัยไว้ทั้งผู้ผลิตและระยะเวลาที่ผลิต ซึ่งนี่เป็นอีกจุดที่สามารถดูได้ง่ายว่ารถนั้นผลิตปีใด เพราะหากแผ่นป้ายนี้ระบุการผลิตเข็มขัดนิรภัย ในปีเดียวกับที่ซื้อรถแสดงว่า รถคันนั้นไม่ได้เป็นรถสต็อกเก่าจอดค้างอยู่ที่ดีลเลอร์นานข้ามปีแน่ และหากแผ่นป้ายนั้นระบุเดือนการผลิตที่ใกล้เคียงกับเดือน ที่รับรถก็จะยิ่งมั่นใจได้ว่าเป็นรถที่ถูกผลิต ออกมาจากโรงงานไม่นาน

ยาง

ที่ยางรถยนต์จะมีตัวเลขที่ระบุถึงการผลิตยางนั้นอยู่ ดังนั้นสามารถใช้เป็นสิ่งที่อ้างอิงเกี่ยวกับระยะเวลาการผลิต รถคันนั้นได้ โดยเลขที่ระบุการผลิตยางจะเป็นเลข 4 ตัวเรียงกันในบริเวณใกล้ๆ กับขอบล้อ ซึ่งตัวเลข 2 ตัวแรกจะบอกสัปดาห์ที่ผลิตส่วน 2 ตัวหลังบอกปีที่ผลิต เช่น 0420 แสดงว่ายางนั้นถูกผลิตสัปดาห์ที่ 4 ของปี 2020

สนิม พลาสติก และขอบยางต่างๆ

อีกสิ่งที่สามารถใช้ดูประกอบว่าเป็นรถเก่าค้างสต็อกหรือไม่คือการเกิดสนิมบริเวณต่างๆ ของรถ เพราะถ้าเป็นรถในสต็อกที่จอดไม่ดีตากแดดตากฝนไว้ รวมไปถึงรถที่นำไปจอดโชว์เวลาจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายต่างๆ ซึ่งมีโอกาสเจอแดดและฝนได้ไม่แพ้กัน ก็อาจจะมีสนิมเกิดขึ้นกับบางส่วนของรถ หรือส่วนที่เป็นพลาสติกและขอบยางต่างๆ อาจมีการกรอบหรือชำรุดให้เห็น

ที่มา : GRANDPRIX ONLINE



ความคิดเห็น



รถไฮบริด รถอีวี HEV-PHEV-BEV
รถไฮบริด-ปลั๊กอินไฮบริด-รถอีวี
รถอีวี100%(BEV)
ราคารถไฮบริด-ปลั๊กอินไฮบริด-รถอีวี
ราคารถอีวี100%(BEV)
ประเภทรถอีวี-รถไฟฟ้า
BYD ATTO 3 (2023)
รถอีโคคาร์ ECO CAR
รถอีโคคาร์
ราคารถอีโคคาร์
TOYOTA Yaris 2023
รถอเนกประสงค์ PPV CAR
รถอเนกประสงค์ พีพีวี
ราคารถอเนกประสงค์ พีพีวี
รถกระบะ PICKUP CAR
รถกระบะ 2ประตู รุ่นมาตรฐาน
รถกระบะ 2ประตู แค็บ 2WD
รถกระบะ 2ประตู แค็บ 4WD
รถกระบะ 4ประตู ดับเบิ้ลแค็บ 2WD
รถกระบะ 4ประตู ดับเบิ้ลแค็บ 4WD
จักรยานยนต์ MOTOCYCLE
จักรยานยนต์ ออโตเมติก(เอที) AT
จักรยานยนต์ ครอบครัว Family
จักรยานยนต์ สปอร์ต Sport
จักรยานยนต์ ออฟโรด Off Road

รอบรู้ รถยนต์
รถยนต์ค้างสต็อกหรือไม่ ดูตรงไหน
4ข้อ ควรรู้ก่อนขึ้น-ลงเขา
วิธีเข้าเกียร์ออโต้ระหว่างติดไฟแดง
ท่านั่งขับรถ ตำแหน่งการจับพวงมาลัย
วิธีใช้เกียร์ออโต้ อย่างปลอดภัย
รอบรู้ รถจักรยานยนต์
เป็นเจ้าของ Big Bike ค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
วิธีเลือกรถบิ๊กไบค์มือสอง
วิธีเลือกซื้อรถจักรยานยนต์มือสอง







หมวดยานยนต์-แทรกเตอร์ โปรโมชั่น-ข่าวเด่น-รีวิว 108เอ็นจินดอทคอม
รถอีวี /รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โปรโมชั่นรถยนต์ /รถแทรกเตอร์ /จักรยานยนต์ หน้าแรก108engine.com
รถอีโคคาร์ ข่าวรถยนต์-รถไฟฟ้า ข้อตกลงการใช้งาน
รถกระบะ-รถอเนกประสงค์ ข่าวรถแทรกเตอร์-SMART FARM นโยบายความเป็นส่วนตัว
รถแทรกเตอร์ ข่าวรถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์ ติดต่อโฆษณา Advertise With Us
รถเกี่ยวนวดข้าว MOTOR SHOW / TRACTOR SHOW ติดต่อเรา Contact Us
รถจักรยานยนต์ ทัวร์ร้านค้ายานยนต์ทั่วไทย  
รถบิ๊กไบค์ รีวิว รถยนต์-รถอีวี  
เครื่องยนต์อเนกประสงค์ รีวิว รถจักรยานยนต์-รถบิ๊กไบค์  
Follow us
   
Copyright © 2000 - 2024  108Engine Dot Com All Rights Reserved
 
cheap air max|cheap air jordans|pompy wtryskowe|cheap huarache shoes| bombas inyeccion|cheap jordans|cheap sneakers|wholesale jordans|cheap china jordans|cheap wholesale jordans|cheap jordans|wholesale jewelry china