หลังจากที่ได้มีโอกาสสัมผัสในสนามทดสอบก่อนการเปิดตัวจริงของ มาสด้า 3 กระทั่งกลางเดือน มี.ค. ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมการตอบรับที่ดีด้วยยอดจองจนถึงปัจจุบันกว่า 2,600 คัน ด้วยระยะเวลาเพียงเดือนเศษ
วันนี้ได้มีโอกาสสัมผัสแบบเต็มๆ กับ มาสด้า 3 รูปแบบการใช้งานจริงบนเส้นทางสุราษฎร์ธานี-ระนอง ระยะทางรวมกว่า 320 กม. ที่ตลอดเส้นทางรับรู้ถึงสมรรถนะของตัวรถได้เป็นอย่างดี เพราะมีทุกสภาพถนนไม่ว่าจะเป็นคดโค้ง ขึ้น-ลงเขา ทางตรงยาว เรียกได้ว่าทำความรู้จักมักคุ้น ใช้ชีวิตอยู่บนรถนานกว่า 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว.
เริ่มที่รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกที่ได้รับการออกแบบ ซึ่งคันที่ โพสต์ทูเดย์ ได้ลองขับเป็นรุ่นท็อป 5 ประตู ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ (KODO Design) จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ตั้งแต่กระจังหน้าทรง ห้าเหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสอดรับ กับไฟหน้าแบบไบซีนอน ที่เฉี่ยวคมมาพร้อมไฟเดย์ ไทม์รันนิ่งไลต์และไฟตัดหมอก
ไล่เรียงไปถึงเส้นสายรายละเอียดด้านข้างที่ดูพลิ้วไหวแต่แข็งแรงที่โป่งล้อหน้าจรดไฟท้าย พร้อมท่อไอเสียคู่ อีกทั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางซีรีส์ 215/45/R18 จนกระทั่งแซวเล่นๆ กับทีมงานมาสด้าว่า แล้วอย่างนี้พนักงานขาย(เซลส์) จะแถมอะไรให้ลูกค้า เพราะทุกอย่างที่ให้มาเรียกได้ว่าสำเร็จรูปดูดีเบ็ดเสร็จ
ขณะที่ภายในห้องโดยสารเน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และอุปกรณ์ควบคุมเจเนอเรชั่นใหม่ ให้ผู้ขับขี่ใช้สรีระอย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกหลังพวงมาลัยขณะขับขี่ ให้ความหรูหราสปอร์ตและล้ำสมัยด้วยการจัดวางและออกแบบภายใน
ที่ให้สีสันของวัสดุหนังหุ้มเบาะ และแผงประตูสีครีม-ดำ แต่งด้วยด้ายสีแดง ส่วนคอนโซลสีดำเปียโนตัดเงินโครเมียม อีกทั้งวัสดุที่ใช้อย่างดีมีคุณภาพ เป็นต้นว่า
คอนโซลและแผงประตูขึ้นรูปด้วยโฟมหุ้มหนัง พร้อมด้วยการจัดวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างมีศิลป์
ความโดดเด่นภายในที่ชอบคือ ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ Active Driving Display ที่เป็นแบบป๊อปอัพเปิด-ปิดอัตโนมัติเด้งขึ้นมา เมื่อสตาร์ทและดับเครื่องที่อยู่ตำแหน่งเหนือมาตรวัดมาตรฐานฝั่งคนขับ
ไล่สายตาลงมาถึงมาตรวัดแบบกึ่งอะนาล็อกกึ่งดิจิทัลรูปทรงล้ำสมัย พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดิจิทัล หน้าจอ|ทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว ตั้งเด่นตระหง่านแยกออกจากคอนโซล
ระบบควบคุมการทำงานภายใน รถด้วยปุ่มจอยสติ๊กที่วางตำแหน่งอยู่บริเวณคอนโซลกลางใกล้กับตำแหน่งเกียร์ เสมือนที่ติดอยู่ในรถยนต์ระดับพรีเมียมเลยทีเดียว
อีกทั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ที่มาสด้าได้พัฒนาภายใต้ชื่อ มาสด้า คอนเนกต์ (Mazda Connect) สามารถเชื่อมต่อทุกการสื่อสารทั้ง AM/FM/CD/USB/AUX/ Bluetooth
รวมถึงระบบนำทาง (เนวิเกเตอร์) พร้อมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและทีวีได้อย่างง่าย ซึ่งเปรียบได้เหมือนใช้สมาร์ทโฟน ที่ตอบสนองของหน้าจอสัมผัสได้ดี
ด้านสมรรถนะเครื่องยนต์มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์เบนซินสกายแอ็กทีฟ-จี ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 210
นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเจเนอเรชั่นใหม่ ที่มาสด้าเคลมไว้ว่าประหยัดขึ้นกว่าเดิม 20%
ที่สำคัญรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ อี85 ได้ด้วย
ซึ่งอารมณ์การขับขี่บนเส้นทางดังกล่าว มีทั้งช่วงทางแคบที่มีจังหวะเร่งแซงรถบรรทุกขนาดใหญ่ทำได้หายห่วง
กดทีเดียวหายแซงขาดไปเลย ขณะที่ช่วงความเร็วย่านอื่นๆ ทำได้ดีไม่มีปัญหา ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับ เกียร์เจเนอเรชั่นใหม่เข้ากันได้ดี ตอบสนองไหลลื่นตามสั่งให้ความสนุกสนาน
ขณะที่ช่วงล่างและการควบคุมแม้ว่าบางช่วงจะเจอสภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ช่วงจังหวะขับผ่านน้ำขังพวงมาลัยยังคงนิ่งไม่เห็นอาการส่ายให้เห็น การซับแรงกระแทก ให้ความนุ่มนวล นุ่มหนึบ แม้ว่าจะใส่โค้งหนักๆ ก็มั่นใจเอาอยู่
ซึ่งชอบที่พวงมาลัยคมกริบและน้ำหนักแรงเบรกที่ปลอดภัยไว้ใจได้
ด้วยความได้เปรียบของ มาสด้า 3 ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี สกายแอ็กทีฟ ที่ลงตัวในทุกส่วนผสมผสาน ออกมาเป็นเจ้ารถคันนี้
เรียกได้ว่าถ้ากำลังมองหารถยนต์นั่งขนาดกลาง (ซี-เซ็กเมนต์) น่าจะตอบโจทย์ความคุ้มค่า ทั้งราคา เทคโนโลยี สมรรถนะ แบบจัดเต็มด้วยราคาเริ่มต้น 8.33 แสน-1.09 ล้านบาท
นาทีนี้เซ็กเมนต์นี้ต้อง มาสด้า 3 เป็นคำตอบสุดท้าย
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์[11774 Views]
|