ผมเป็นคนเรียนหนังสือน้อย ทั้งที่พ่อแม่ก็พยายามส่งเสียให้เรียน
เพื่อหวังจะให้ เป็นเจ้าคนนายคน ตามยุคสมัย แต่ความเกเรสมัยวัยรุ่น
เลยทำให้พ่อแม่เสียใจ ที่ลูกไม่ได้ดังที่หวังเอาไว้ เมื่อผมแก่ตัวลงถึงวันนี้
พอเห็นใครเรียนหนังสือเก่งๆ ผมมักจะดีใจ หลงใหลได้ปลื้มไปกับเขาทั่ว
ทั้งที่บางทีก็ไม่รู้จักแม้แต่น้อย
สัปดาห์ก่อนผมได้รับข่าวจากหลานสาวคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่า
สอบเข้าเรียนต่อปริญญาโท ในสถาบันชื่อดังของเมืองไทยได้แล้ว
หลังจากนั้นอีกไม่ถึงสิบนาที เพื่อนของลูกชายก็ส่งอีเมลมาจากวิสคอนซิน
อเมริกา บอกว่า สอบต่อเรียนปริญญาเอกได้อีกคนหนึ่ง
ทำให้ผมมีความรู้สึกเหมือนกับ ตัวเองสอบเอนทรานซ์ติดทีเดียว
ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงของการสอบเข้า
ด้วยความเป็นห่วงลูกๆ หลานๆ ทั้งหลายที่กำลังเลือกสายการเรียนอยู่
หากเป็นไปได้ผมอยากจะบอกว่า จงปรึกษาคนที่คิดว่าให้คำปรึกษาดีที่สุด
บางครอบครัวพ่อแม่แทนที่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดี
กลับไปสร้างแรงกดดันให้ลูก
แถมบังคับให้ลูกเลือกเรียนในสิ่งที่ลูกไม่ชอบ
บางโรงเรียนอาจารย์ที่ปรึกษาแทนที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดี
กลับไม่สามารถให้คำปรึกษาที่ดีกับเด็กได้
เพราะไม่ได้ถูกฝึกมาให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
แต่ถูกแต่งตั้งเพียงเพราะเป็นผู้สอนหนังสือ
และเป็นผู้สอนหนังสือเพียงเพราะเรียนเก่งหรือทำงานในอาชีพดี
แต่ไม่ได้ผ่านการศึกษาวิชาว่า ด้วยการเป็นครูมาก่อน จึงขาดจิตวิทยาในการให้คำปรึกษาด้านการเรียนของเด็ก
ผมจึงใช้คำว่าขอให้ปรึกษา คนที่คิดว่าจะให้คำปรึกษาได้ดีที่สุดในการเรียนต่อ
คุณวิชัย ส่งอีเมลมาในช่วงอากาศร้อน ของเดือนมีนาคมกำลังทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งว่า
มีรถกระบะหนึ่งคันเป็นแบบที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ และปัจจุบันเห็นมีการโฆษณากันมากเรื่องเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
บอกว่าดีกว่าการเปลี่ยนถ่ายในศูนย์บริการทั่วไป เพราะถ่ายได้หมดจดกว่ากัน
แต่ราคามันแพง จึงอยากถามถึงความจำเป็นในการถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
และหากจำเป็นควรใช้วิธีไหน
เรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัตินั้น ผมขอเรียนให้ทราบก่อนว่า
ระยะเวลาที่สมควรทำการเปลี่ยนถ่าย แต่ละครั้งก็คือ ประมาณ 25,000 ถึง 35,000
กิโลเมตรแล้วแต่สภาพการใช้งานและสภาพทางที่วิ่ง
เช่นใช้งานในเมืองที่การจราจรติดขัดมากๆ เกียร์มีการเปลี่ยนไปมาบ่อยๆ
และมีความร้อนในน้ำมันเกียร์มาก ก็ควรเปลี่ยนถ่ายที่ระยะทาง 25,000 กิโลเมตร
หรือหากต้องวิ่งผ่านทางที่เป็นฝุ่นมากๆ หรือผ่านทางที่น้ำท่วมขัง
ก็ควรเปลี่ยนถ่ายที่ระยะทางไม่เกิน 25,000 กิโลเมตร
เช่นเดียวกัน แต่หากผ่านทางที่น้ำท่วมขังเกินกว่าครึ่งล้อ
ก็ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ทันทีที่ผ่านทางน้ำท่วมนั้นมาแล้ว
แต่หากคุณใช้รถยนต์เกียร์อัตโนมัติในพื้นที่ซึ่งรถไม่ติด การจราจรปลอดโปร่ง
เช่นใช้ในจังหวัดที่มีอากาศเย็นอย่างลำพูนหรือแพร่
คุณก็สามารถยืดระยะการเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเกียร์อัตโนมัติไปได้ถึง 35,000
กิโลเมตร แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นหากคุณเป็นคนใช้รถยนต์น้อย
ผมแนะนำว่าไม่ควรเกินสองปี ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติแล้วครับ
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัตินั้น
ต้องให้ช่างตามศูนย์บริการรถยนต์นั้นๆ
หรือช่างในศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่มีความรู้เรื่องเกียร์อัตโนมัต ิเป็นผู้ทำการให้
โดยปกติแล้วเมื่อถอดนอตที่ก้นแคร้งเพื่อทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติออกมา
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติจะไหลออกมาประมาณครึ่งหนึ่งหรือไม่เกินสองในสามของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติทั้งหมด ในระบบ
ดังนั้นหากเห็นว่าน้ำมันเก่าที่ไหลออกมามีความสกปรกปะปนอยู่มาก ก็ให้นำรถไปวิ่งใช้งานสักพักหนึ่ง
แล้วนำรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติอีกครั้งหนึ่งในขณะที่น้ำมันเกียร์ยังอุ่นๆ อยู่
หากรถยนต์รุ่นนั้นๆ มีกรองน้ำมันเกียร์อัตโนมัติแบบที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้
ก็ให้ถอดกรองออกมาล้างทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง
หรือถ้าเป็นแบบล้างไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนกรองทุกครั้ง ในคนที่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์อยู่บ้าง
สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติด้วยตนเองให้สะอาดหมดจด ได้ไม่ยากนัก ด้วยวิธีการที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้คือ
หาตำแหน่งที่ติดตั้งระบบระบายความร้อนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ หรือที่เรียกกันว่า
ออยล์คูลเลอร์เกียร์อัตโนมัติ จากนั้นก็ดูว่าสายยางเส้นไหนเป็นเส้นที่ส่งน้ำมันเข้า ออยล์คูลเลอร์
เส้นไหนเป็นเส้นที่ส่งน้ำมันออกจาก ออยล์คูลเลอร์
เมื่อพบแล้วให้ถอดสายยาง ส่วนที่ออกจากออยล์คูลเลอร์ของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
แล้วติดเครื่องยนต์ขึ้นมาไม่ต้องเร่งเครื่อง คอยดูว่าน้ำมันเกียร์อัตโนมัติไหลออกมาจากสายยางดังกล่าวจนหมดเริ่มเห็นฟองอากาศ
ก็ให้ดับเครื่องยนต์แล้วสวมสายยางกลับไปอย่างเดิมให้แน่นหนา
จากนั้นก็เติมน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ เข้าไปตามปริมาณ
หากเห็นว่าน้ำมันเกียร์อัตโนมัติไม่ค่อยไหลออกมา
ให้ดึงเบรกมือรถเอาไว้ให้แน่น เหยียบเบรกให้สนิท
แล้วโยกคันเกียร์ไปมาระหว่างตำแหน่ง N ไป D สลับไปมาเบาๆ จนเห็นน้ำมันเกียร์ไหลออกมาหมด
เมื่อเติมน้ำมันเกียร์อัตโนมัติเข้าไปแล้วให้นำรถออกไปวิ่งใกล้ๆอย่างนุ่มนวล แล้วกลับมาวัดระดับ น้ำมันเกียร์อัตโนมัติใหม่อีกครั้งหนึ่ง หากเห็นว่าระดับน้ำมันเกียร์ต่ำกว่า ระดับมาตรฐาน ก็เติมลงไปให้ถูกต้อง
เท่านี้ก็เสร็จเรื่องครับ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
|